เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวประมงพื้นบ้านพบอ้วกวาฬ หรืออำพันทะเล และเก็บไว้โดยได้พบนายจำรัส เธียร์โชติ อายุ 55 ปี ชาวบ้านเกาะพะลวย หมู่ 6 ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย ได้นำก้อนอำพันทะเล น้ำหนักประมาณ 6 กิโลกรัม ออกมาให้นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางอุรสา จินโต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมคณะที่เดินทางลงเรือไปเยี่ยมชาวบ้านบนเกาะได้ชม
ทั้งนี้ ก้อนอำพันทะเลดังกล่าว ลักษณะคล้ายก้อนหิน หรือก้อนยาง มีสีเหลืองทองและน้ำตาล โดยได้ลองนำไปใส่ในถังน้ำ ปรากฏว่าลอยตัวขึ้น
นายจำรัสกล่าวว่า เมื่อเช้าวันที่ 3 มกราคม 2562 ช่วงหลังเกิดพายุปาบึกพัดผ่านไป ได้ออกไปเดินสำรวจบริเวณชายหาดหน้าบ้าน พบก้อนของแข็งคล้ายยางลอยเกยอยู่บริเวณชายหาดโดยไม่รู้ว่าเป็นอะไร จึงหยิบขึ้นมาวางไว้บนหาดทราย ต่อมาหลานได้ไปค้นหาในกูเกิลจึงทราบว่าเป็นอ้วกวาฬ จึงนำมาไว้ที่บ้าน ก่อนจะใช้มีดตัด ได้กลิ่นคาวครู่หนึ่งแล้วหายไป
นายจำรัสกล่าวว่า จากนั้นมีชาวบ้าน 3 คนที่ทราบข่าวมาขอแบ่งออกไปประมาณครึ่งกิโลกรัม แจ้งว่าจะนำไปพิสูจน์แล้วข่าวเงียบหายไป แต่เจ้าหน้าที่อุทยานบนเกาะพะลวยแจ้งว่าน่าจะเป็นอ้วกวาฬถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่อยากจะขอให้นักวิชาการด้านประมงช่วยพิสูจน์ให้ด้วย
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2562 มีชาวบ้าน อ.เกาะสมุย พบอ้วกวาฬน้ำหนัก 10 กิโลกรัม นักวิชาการตีมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท และเดือนเดียวกัน ชาว อ.สวี จ.ชุมพร ได้เปิดเผยว่าได้เก็บอ้วกวาฬไว้นาน 25 ปี มีน้ำหนัก 11 กิโลกรัม ต่อมาเดือนกรกฎาคม ชาว อ.เมือง จ.สตูล พบมีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม ก่อนจะพบล่าสุดที่เกาะพะลวย อ.เกาะสมุย หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นของจริง คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ “อ้วกวาฬ” มักใช้เป็นวัตถุดิบสกัดเป็นหัวน้ำหอม หรือเป็นกลิ่นไวน์ และกลิ่นอาหารบางชนิด เนื่องจากไขจากลำไส้วาฬสามารถเก็บกลิ่นไว้ได้นาน นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย แก้ลมวิงเวียน แก้เสมหะ และบำรุงโลหิต จึงเป็นส่วนผสมในยาแผนโบราณตำราต่างๆ
