เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นายภูวกร ศรีเนียน หรือ จ.เจตน์ สมาชิกชุดแรกของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรค อนค. และเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พะเยา กล่าวถึงกรณีปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในพรรคขณะนี้ ว่า ในฐานะที่ตนเป็นสมาชิกชุดแรก รุ่นจัดตั้งพรรคที่มี 26 คน รวมถึงเข้ามาร่วมพรรคจากการชักชวนของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพรรคขณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่กลุ่มคนก่อตั้งพรรคต้องเริ่มชักชวนคนที่รู้จักรอบตัว หรือที่พอจะไว้ใจหรือร่วมงานกันเข้ามาก่อนในครั้งแรก แต่ก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้พรรค อนค.เปิดกว้างสำหรับคนที่คิดคล้ายคลึงกันอย่างแท้จริง โดยหลังจากเปิดตัวที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ก็มีคนมากมายเริ่มเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งที่ชักชวนกันมาเป็นลำดับ หรือวิธีการติดต่อเข้ามาด้วยตนเองจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
นายภูวกรกล่าวว่า ตนยอมรับว่าแม้ตนจะเข้าพรรคมาก่อน รวมทั้งส่วนหนึ่งก็ถือว่ามีความใกล้ชิดส่วนตัวกับหัวหน้าพรรค แต่ก็พบว่ามีคนจำนวนมากที่มาทีหลังตน และมีความสามารถเฉพาะประเด็นที่ตรงกับแนวทางพรรคมากกว่า หลายคนได้รับการผลักดันจากพรรคเป็นอย่างดี แม้แต่กรรมการบริหารพรรค หลายคนก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับนายธนาธรมาก่อน ซึ่ง อนค.มีความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะทำให้พรรคเปิดกว้าง เปิดโอกาสให้กับคนทั่วไปมากที่สุด จึงเปรียบเสมือนทำสิ่งที่แทบไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในการเมืองไทย เมื่อปฏิบัติจริงจึงมีปัญหาตามมาหลายอย่าง เพราะบางสิ่งที่พรรคนำเสนอหรือแสดงออกอาจจะไม่ตรงกับบริบทของสังคมไทย หรือสังคมตามไม่ทัน ซึ่งหากพรรคมีเวลาจัดระเบียบภายใน เรียนรู้ถูกผิด รู้จักปรับตัวก่อนการเลือกตั้งได้มากกว่านี้ ปัญหาเรื่องความรู้สึกระหว่างกันของคนในพรรคจะไม่มากขนาดนี้
“ปลายปีที่แล้วเรารับรู้ปัญหาด้านความรู้สึกหลายอย่าง แต่มันเกิดการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นมาก่อน จึงไม่ทันจัดการอะไรหลายๆ อย่าง และทุกคนก็มุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง เมื่อถึงเวลานี้ที่การเลือกตั้ง ส.ส.ผ่านพ้น และพรรคก็โตเร็วแบบก้าวกระโดด เมื่อคนในพรรคส่วนหนึ่งย้อนกลับมาสู่ความคิด ณ จุดเดิมก่อนการเลือกตั้ง ส.ส. จึงเป็นปรากฏการณ์ดังที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถือว่าเป็นข้อเสียที่ตามมาเช่นกัน หากเรามีเวลาจัดระเบียบพรรค 1-2 ปี ผมมั่นใจว่าพรรคอนาคตใหม่จะแข็งแกร่ง และเป็นพรรคการเมืองที่มีหลักการโดดเด่นให้ทุกคนมั่นใจ” นายภูวกร กล่าว
นายภูวกรกล่าวอีกว่า ตนขอสื่อสารถึงสังคมว่า อยากให้มีการแยกประเด็นระหว่างความคับข้องใจของสมาชิกพรรค และอดีตแนวร่วมกลุ่มต่างๆ กับประเด็นของ 7 ส.ส.ที่ไม่ออกเสียงในสภาให้ตรงกับแนวทางของพรรค ซึ่งประเด็นของโหวตในสภาของ 7 ส.ส.ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ว่าปลายทางเสียงที่ส่งไปจะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ผู้ลงคะแนน ซึ่งต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา คะแนนที่คนเลือก อนค.ส่วนมากจะส่งผ่านไปให้หัวหน้าพรรค ตัวแทนลงเลือกตั้งคือผู้ที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสื่อสาร และอีกส่วนคือเลือกด้วยความนิยมส่วนตัวผู้สมัคร
“ต้องคุยกันตรงๆ ว่า ก่อนกระแสหัวหน้าพรรคจะพุ่งขึ้น ช่วงหลัง 8 กุมภาพันธ์ 2562 เราทุกคนรู้ดีว่าเราได้รับความสนใจยังไม่มาก มาถึง ณ เวลานี้ แม้สถานการณ์พรรคจะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งตัวหัวหน้าพรรคและสถานะต่างๆ ของพรรค แต่สิ่งที่สำเร็จที่สุดที่ได้เกิดขึ้นแล้วจากพรรคอนาคตใหม่คือการปลุกให้คนรุ่นใหม่ตื่นตัว และเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ของการเมืองไทยอย่างแท้จริง” นายภูวกรกล่าว
