ตาของน้อง 15 ปีเหยื่อจับลิขสิทธิ์กระทงการ์ตูน เผยสุดดีใจ น้องไม่ผิดลิขสิทธิ์การ์ตูนริลัคคุมะ ยันเอาผิดนายประจักษ์และพวกให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าคดีขบวนการล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูนดังที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมียอดผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน 37 รายแล้ว และเป็นการถูกจับกุมในพื้นที่ 4 โรงพักของจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย สภ.เมืองนครราชสีมา, สภ.โพธิ์กลาง, สภ.พิมาย และ สภ.โชคชัย ซึ่งสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาได้เข้าช่วยเหลือให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ผู้เสียหาย พร้อมกับช่วยรวบรวมหลักฐานของผู้เสียหายที่ถูกล่อซื้อสินค้าลายการ์ตูนลิขสิทธิ์หลายรูปแบบ ก่อนจะเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนตามลำดับนั้น
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ก็มีความชัดเจนในเรื่องลายการ์ตูนบนกระทงที่เด็กหญิงวัย 15 ปีได้ทำออกมาขายแล้วถูกล่อซื้อว่า ไม่ใช่ลายริลัคคุมะ เนื่องจาก พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ได้พูดคุยกับตัวแทนบริษิท ที.อ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางบริษัทแล้วว่า ลายการ์ตูนบนกระทงที่นายประจักษ์ โพธิ์ผล ล่อซื้อจากเด็กหญิงวัย 15 ปี เป็นแค่ลายการ์ตูนหมีทั่วไป ที่ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า คุมะ ไม่ใช่ลายริลัคคุมะแต่อย่างใด จึงทำให้ไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ส่วนกรณีที่นายประจักษ์อ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัท เวอริเช็ค ที่มีอำนาจในการจับกุมลิขสิทธิ์ริลัคคุมะนั้น ทางบริษัทซานเอ็กซ์ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ญี่ปุ่น ก็ได้ยืนยันเช่นกันว่ามีการยกเลิกสัญญาบริษัทเวอริเช็คแล้วก่อนหน้านั้น ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกตัวนายประจักษ์มาสอบปากคำและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายโดยเร็ว
ร.ต.อ.สมพร วงศ์มณี ตาของน้องอายุ 15 ปี ที่ถูกจับปรับค่าลิขสิทธิ์การ์ตูนหมีริลัคคุมะ เปิดเผยว่า ช่วงที่นายประจักษ์และนายนันจับน้องไปดำเนินคดีข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์นั้น ตนเองรู้สึกสงสารลูกสาวและหลานสาวเป็นอย่างมาก เพราะทั้งคู่ไม่มีโอกาสโต้ตอบอะไรได้เลย ได้แต่กอดคอร้องไห้ เพราะกลัวถูกดำเนินคดีติดคุก และเสียเงินค่าปรับจำนวนเป็นแสนบาท โดยนายประจักษ์ไม่ได้พูดในเรื่องเงินแต่โยนให้นายนันเป็นคนเจรจาในเรื่องเงินค่าลิขสิทธ์ ซึ่งขณะนั้นเขามั่นใจว่ารูปมีที่อยู่บนกระทงของน้อง 15 ปี คือลายการ์ตูนริลัคคุมะ ภายหลังจากที่พิสูจน์ทราบแล้วว่า รูปหมีที่นำมาแปะบนกระทงของน้องอายุ 15 ปีไม่ใช่การ์ตูน rilakkuma ตามที่นายประจักษ์แอบอ้างเพื่อจะปรับค่าลิขสิทธิ์ ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากและขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ได้ช่วยกันเปิดโปงกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ ตอนนี้ครอบครัวของน้อง 15 ปี ก็รู้สึกสบายใจแล้ว ส่วนในเรื่องของคดีความหลังจากนี้ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งตนและครอบครัวขอยืนยันว่าจะเอาผิดนายประจักษ์และกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ให้ถึงที่สุด
