เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้ง ที่จังหวัดพิจิตรขยายวงกว้าต่อเนื่อง ส่งผลกระทบและสร้างความกังวลใจโดยเฉพาะพื้นที่แม่น้ำยมที่ไม่มีระบบกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำยม รวมตัวกันที่วัดดานน้อยตำบลวังจิก อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตรซึ่งเป็นสถานที่การก่อสร้างประตูกั้นแม่น้ำยม เพื่อติดตามสอบถามสำนักงานชลประทานถึงความล่าช้าในการก่อสร้างประตูน้ำ กั้นแม่น้ำยมเพื่อกักเก็บน้ำไว้อุปโภคและบริโภครวมทั้งแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งซ้ำซากในลุ่มแม่น้ำยมที่งานก่อสร้างไม่มีการคืบหน้าและหมดสัญญาการก่อสร้างไปแล้ว ซึ่งไม่เป็นที่พึงพอใจของชาวบ้านเนื่องจากความล่าช้าของโครงการ จึงได้สอบถาม ทางชลประทานช่วยเร่งรัดการดำเนินการ ก่อสร้างประตูน้ำกั้นแม่น้ำยม ที่ใช้ในการกักเก็บน้ำไว้ใช้ ในช่วงหน้าแล้ง ในเขตแม่น้ำยม เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ในเขตรอยต่อ 2 จังหวัด คือ จังหวัดพิจิตร และ จังหวัดพิษณุโลก
ต่อมานายเสกโสม เสริมศรี ผู้อำนวยการ การก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่3นครสวรรค์พร้อมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาเจรจากับชาวบ้านในเรื่องของปัญหาที่ทำให้การก่อสร้างประตูกั้นแม่น้ำยมที่ล่าช้าเนื่องจากมีกรณีพิพาทเรื่องที่ดินของประชาชนในเขตพื้นที่การก่อสร้างศูนย์ใจกลางของประตูระบายน้ำโดยไม่รับขอเสนอในเรื่องของราคาที่ดิน จึงได้มีการทำเรื่องเพื่อขอเวนคืนที่ดินและเพิ่งได้ที่คำสั่งแจ้งครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ได้เมื่อวันที่3 สิงหาคม2562และโดยจะนำเข้าการก่อสร้างในปี2564นี้คาด 20 เดือนแล้วเสร็จ
สำหรับการก่อสร้างประตูกั้นแม่น้ำยมบ้านวังจิก ซึ่งทางสำนักงานชลประทานได้ดำเนินการออกแบบ และของบประมาณ 231,400,00 ล้านบาท จากทางรัฐบาล ถ้ามีการสร้างประตูน้ำบ้านวังจิกได้สำเร็จก็จะช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมซ้ำซากของชาวพิจิตรที่จะครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า 20,000 ไร่
