ผวจ.เพชรบูรณ์สั่งเอกซเรย์ที่ดิน ‘เขาค้อ’ หลังมีมติปลดล็อกโรงแรมรีสอร์ตรุกป่าตามคำสั่ง คสช.ที่ 6/62

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการการจัดที่ดินตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) อ.เขาค้อ ซึ่งที่ประชุมมีการสรุปข้อมูลความคืบหน้าถึงการนำเสนอจัดสรรพื้นที่ป่าให้แก่ราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) เขาค้อ 491 ราย ตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และหารือประเด็นโรงแรมที่ติดข้อจำกัดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎหมายตามคำสั่ง คสช.ที่ 6/62 ในข้อ 5 โดยเฉพาะที่เขาค้อมีโรงแรมรีสอร์ตที่ได้ยื่นแจ้งไว้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 4 ตำบล ได้แก่ ต.เขาค้อ ต.สะเดาะพง ต.ริมสีม่วง และ ต.หนองแม่นา จำนวน 409 ราย แยกเป็น รอส. 16 ราย ทายาท รอส. 24 ราย คนนอก 369 ราย

นายสืบศักดิ์กล่าวว่า จังหวัดได้ดำเนินการตามคำสั่ง คสช.ที่ให้แก้ปัญหาเกี่ยวกับโรงแรม ส่วนการแก้ปัญหาจะได้ผลหรือเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับ คทช. จังหวัดแค่เพียงนำเสนอแนวทางแก้ไขโดยไม่ขัดต่อกฎหมายเท่านั้น ทั้งนี้ ได้สั่งให้ อ.เขาค้อ โดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สำรวจข้อมูลลงลึกถึงขอบเขตการถือครองที่ดินของลูกบ้าน ทั้งจำนวนเนื้อที่และหมู่บ้านมีครอบครัวกี่ราย

“นอกจากนี้ ยังให้สำรวจเจ้าของที่ดินเดิม รวมทั้งหากมีการเปลี่ยนมือให้แจ้งผู้ถือครองในปัจจุบันและให้มีการรายงานตัว เพื่อทำผังการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือสำมะโนป่าไม้ พร้อมกำหนดว่าอยู่ในลุ่มน้ำชั้นใด โดยให้ประกาศรายชื่อและข้อมูลทางเว็บไซต์ รวมทั้งกำหนดเวลาหากจะมีการคัดค้าน จากนั้นที่ประชุมยังกำหนดช่วงเวลาการสำรวจฯร่วมกับทางป่าไม้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ส่วนกรณีโรงแรม 206 ราย ที่ไม่ได้ยื่นให้ข้อมูลจดแจ้งให้เดินหน้าจับกุมดำเนินคดี ให้ผู้ถือครองที่ดินมารายงานตัว จากนั้นจัดแยกประเภทว่าอยู่ในตระกร้าไหน และมีรายไหนไม่ยอมเข้า โดยให้ลงรายละเอียดในสำมะโนป่าไม้หรือผังป่าไม้ จากนั้นจะมีการใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 ตรวจสอบว่าอยู่ในป่าประเภทไหนและลุ่มน้ำชั้นไหน และกลุ่มไหนอยู่ก่อนปี 2541 หรือกลุ่มไหนอยู่ก่อนปี 2557 และมีรายไหนอยู่หลังปี 2557 ไม่งั้นไม่จบและแก้ไขไม่ได้สักที ปัญหาคือปัจจุบันต้องมีข้อมูลถึงจะแก้ได้” นายสืบศักดิ์กล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ มีผู้ใหญ่บ้านสอบถามถึงผู้ถือครองไม่เป็นนอมิมีไม่ใช่ตัวจริง และบางรายไม่ยอมให้ข้อมูลหรือแสดงตน โดยขอให้ทางอำเภอกำหนดให้เจ้าของรีสอร์ตตัวจริงมาให้ข้อมูล ซึ่งอัยการจังหวัดฯชี้แจงว่า แม้จะมีการปกปิดแต่เมื่อใช้จีพีเอสตรวจสอบก็รู้พิกัดแล้ว หากไม่แสดงตัวหรือหลบหนีไปก็จะกลายเป็นพื้นที่ตรวจยึดโดยไม่พบผู้กระทำผิด หลังมีการกำหนดไทม์ไลน์ชัดเจนจะรวบรวมข้อมูลเสนอทางอัยการภาค 6 ให้ช่วยพิจารณาระงับการดำเนินคดีไว้ชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรที่ถูกดำเนินคดี ในขณะที่ผู้ว่าฯย้ำว่าอย่างน้อยการแสดงตนเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ แต่ข้อเท็จจริงหากเป็นการบุกรุกก็ไม่รอด

Advertisement

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมยังรายงานข้อมูลการจับกุมดำเนินคดีโรงแรมรีสอร์ตบุกรุกป่าเขาค้อ โดยในปี 2553-2554 แจ้งความโดยทหาร 33 ราย ส่งฟ้อง 4 ราย รับสารภาพ 4 ราย ยกฟ้อง 1 ราย ปี 2554 แจ้งความโดยป่าไม้ 48 คดี ทราบผล 9 คดี ยุติการดำเนินคดี 2 คดี งดสอบสวน 2 คดี สั่งไม่ฟ้อง 26 คดี ยังไม่ทราบผล 9 คดี และในปี 2560 ถึงปัจจุบัน ป่าไม้แจ้งความ 154 คดี ส่งฟ้อง 131 คดี ไม่ฟ้อง 2 ราย ระหว่างส่งฟ้อง 20 ราย ส่วนการกำหนดไทม์ไลน์สำรวจที่ดินและการครอบครองนั้น สาเหตุอีกอย่างก็เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ถูกดำเนินคดี ให้นำไปประกอบหลักฐานการพิจารณาคดีทั้งในชั้นตำรวจ อัยการ และศาล

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image