เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตร และสหกรณ์ พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ภาคเหนือ และข้าราชการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เดินทางไปที่ด่านพรมแดนไทย – เมียนมา บริเวณสะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จังหวัดตาก โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ
ทั้งนี้หลังจากที่ทางนายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.จ.ตาก เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ได้ตั้งกระทู้หารือในสภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีมีการปล่อยให้มีการนำข้าวโพดจากฝั่งประเทศเมียนมา ลักลอบเข้ามาที่ชายแดนไทย – เมียนมา อ.แม่สอด จนทำให้ราคาข้าวโพดของเกษตรกรไทยตกต่ำ ซึ่งร.อ.ธรรมนัส ได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการนำข้าวโพดจากฝั่งประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาเข้ามา และกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเข้มงวดการลักลอบนำเข้า เพื่อไม่ให้เกษตกรไทยได้รับความเดือดร้อน และยังสอบถามข้อมูลจากนายอาลี เดวี พาณิชย์จ.ตาก ถึงระยะเวลาการนำเข้าข้าวโพดจากฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า กระทรวงพาณิชย์ได้อนุญาตให้นำข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านมาได้ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม 2562 นอกเหนือจากนี้ การนำเข้ามาต้องเสียภาษีร้อยละ73
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตามที่ส.ส.ตาก ได้กระทู้ถามหารือในสภาถึง การลักลอบนำข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในเดือนที่ต้องห้ามโดยส่งผลต่อข้าวโพดของเกษตรกรราคาตกต่ำ แต่ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้ปีละ 8 ล้านตัน ขณะที่ภายในประเทศมีผลผลิตเพียง 4 ล้านตันต่อปี ส่วนการให้อนุญาตินำเข้านั้นต้องไม่กระทบต่อเกษตรกรไทย โดยทางกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้กำหนดอยู่แล้ว เช่นเดียวกับสินค้าตัวอื่นๆ สำหรับ ปัญหาการลักลอบนำเข้าเป็นเรื่องกระบวนการ และต้องภาษีสูงมากถึงร้อยละ 73 ซึ่งต้องนำเรื่องนี้มาไตร่ตรองกัน
