เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นายขจรศักดิ์ ศิลปธรรมวานิช ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ไร่อ้อยขาณุวรลักษณ์บุรี จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า จากกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมมการวัตถุอันตราย แถลงผลการลงมติในที่ประชุมเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ในการ เลื่อนแบน สารเคมีกำจัดศัตรูพืช พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสออกไปอีก 6 เดือน มีผลตั้งแต่ 1มิถุนายน 2563 และ เลิกแบน สารเคมีไกลโฟเซต ให้กำจัดการใช้ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยกับนายสุริยะ รมว.อุตสาหกรรม ท่านรู้ปัญหาของเกษตรกรชาวไร่อ้อยจึงได้มีมติออกมาอย่างนี้ ซึ่งท่านรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขารู้ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี
นายขจรศักดิ์กล่าวว่า ถ้าแบนพาราควอต ยาที่จะมาแทนก็คือ “กลูโฟซิเนต” ซึ่งอยากถามว่า กลูโฟซิเนตตอนนี้อยู่ในมือใครในประเทศไทย แค่นั้นก็รู้เหตุผลแล้วว่าเพราะอะไร นายอนุทินรู้ ถึงค้านเต็มที่ ซึ่งนายสุริยะรู้ เหตุผลอยู่แล้วว่ากลูโฟซิเนตราคาแพงกว่าพาราควอต 2-3 เท่าตัว ฉะนั้น จึงทำให้ต้นทุนเกษตรกรสูงขึ้นไปอีก หรือประมาณ 200-300 บาท/ไร่ เกษตรกรจะอยู่ได้อย่างไร เมื่อราคาอ้อยยังตกต่ำอยู่เช่นนี้
“ท่านอนุทินทำงานเรื่องก่อสร้างดีแล้ว อย่ายุ่งเรื่องเกษตรเลย ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้เสมือนเป็นเรื่องผลประโยชน์ หากไม่แบน 3 สารเคมี สารกลูโฟซิเนตก็ขายไม่ได้ อยากถามย้ำว่า กลูโฟซิเนตตอนนี้อยู่ในมือใคร อยากให้แจ้งมาให้รู้บ้าง ถ้าเป็นสารตกค้างรุนแรง คนไทยใช้พาราควอตมานานไม่น้อยกว่า 70-80 ปี ไม่งั้นคนไทยก็ตายไปหมดแล้ว” นายขจรศักดิ์
