เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 30 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมด้วย ดร.ไพบูลย์ กิจวรวุฒิ ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นนทบุรี และตัวแทนว่าที่ผู้สมัครลงชิง ตำแหน่ง สจ.ในพื้นที่ของจังหวัดนนทบุรี ได้ลงพื้นที่ย่านไทรน้อยใน 2 จุดหลัก โดยช่วงเช้าลงพื้นที่บ้านผู้ใหญ่สุบิน หมู่ 4 ต.คลองขวาง และช่วงบ่ายที่ศูนย์การเรียนรู้แลนด์แล็ป บ้านผู้ใหญ่ประสาน หมู่ 4 ต.ทวีวัฒนา ชูนโยบาย Work Shop กระดุม 5 เม็ด ให้กับชาวบ้านในพื้นที่
ดร.ไพบูลย์ ร่วมพูดคุยกับชาวบ้านถึงปัญหาการเพาะปลูกข้าว อาทิ พื้นที่ปลูกข้าว หยุดการใช้ยาฆ่าเเมลง พืชสวนเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งราคาข้าว พร้อมระบุว่า ถ้าเราติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก เม็ดต่อไปก็จะผิดตามไปด้วยหมด เหมือนคนเราทำอะไรเริ่มต้นทำผิดขั้นตอนแต่แรกเริ่ม ขั้นตอนต่อไปก็จะทำผิดไปหมด เราจึงควรดูและทำให้ดีตั้งแต่แรก และเริ่มกับทุกกิจกรรม
ด้านนายพิธากล่าวว่า วันนี้ลงพื้นที่มาในย่านนี้เพราะเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ทำนาเยอ ตนและทีมงานจึงมาให้ความรู้เพิ่มเติมในบางส่วน และพร้อมรับฟังปัญหาโดยตรงจากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีกลับไป เพื่อนำเสนอปัญหาบางอย่างต่อรัฐบาลให้ช่วยเร่งแก้ไข หรือสนับสนุนเกษตรกร หรือหาก ดร.ไพบูลย์ได้เป็นนายก อบจ.นนทบุรี ก็จะช่วยกันแก้ไขปรับปรุงพัฒนาให้ชีวิตเกษตรกรดีขึ้น พร้อมช่วยแก้ไขปัญหาผลผลิต การแปรรูปสินค้าทางการเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่มยิ่งขึ้น
นายพิธากล่าวว่า เราขายข้าวเป็นหมื่นล้านตัน เราทำมาก แต่ได้น้อย ขณะที่ต่างชาติทำน้อย แต่ได้มาก เขากลับสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูง สร้างภาพลักษณ์ สร้างความแตกต่าง จึงทำให้เขาทำน้อยได้มาก ขณะที่ชาวนาบ้านเราซึ่งมีถึง 48 เปอร์เซ็นต์ ต้องมานั่งรอนโยบายจากภาครัฐว่าจะประกันราคาข้าวเท่าไร ดูเพื่อนบ้านอย่าง ประเทศเวียดนามหรืออินเดียว่าได้ราคาเท่าไร เราเป็นคนรับราคาตลาดโลก อยากให้เชาวเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบเองเป็นคนตั้งราคาให้ตลาดโลกบ้าง
“จากประสบการณ์ที่ผมเรียนมา เราจะเป็นผู้นำของโลกใบนี้ได้ ต้องเป็นสินค้าไฮเทค หรือไฮทัช การจะเป็นไฮทัชก็ต้องสร้างมูลค่าของสินค้า อย่างประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าแห่งน้ำมันปาล์ม จนสามารถกำหนดราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกได้เอง สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าน้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง เพราะเกษตรกรของเขาปลูกข้าวโพดได้มาก สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นกับเกษตรกรของไทยเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็นชาวสวน ชาวนา หรือชาวไร่ ในอนาคตข้างหน้า เราต้องเป็นผู้กำหนดราคาสินค้าทางการเกษตรของเราเองได้ให้เท่าเทียมนานาประเทศ” นายพิธากล่าว
