หลังจากเมืองพัทยาได้ทำการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำที่สาธารณะมาโดยตลอด โดยเฉพาะในส่วนของบ้านสุขาวดี ที่มีการลงพื้นที่ดำเนินการตามขั้นตอนราชการ แต่พบว่ายังไม่มีความคืบหน้าของการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม กระทั่ง ล่าสุดเมืองพัทยาได้ทำการปิดหมายคำสั่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคาร จำนวน 2 อาคาร ประกอบด้วย 1.อาคารเวทีการแสดงที่มีการก่อสร้างในพื้นที่สาธารณะ และ 2.อาคารโรงอาหารบริเวณที่ติดกับทางเดินสาธารณะติดทะเลนั้น
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เจ้าหน้าที่กองช่างเมืองพัทยา นำเครื่องมือและอุปกรณ์ลงพื้นที่ริมทะเลบ้านสุขาวดี เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อทำการปักป้ายแสดงแนวเขตที่ดินสาธารณะริมทะเลเนื้อที่รวม 11 ไร่ ซึ่งพื้นที่สาธารณะบางส่วนถูกบ้านสุขาวดีทำการก่อสร้างอาคารรุกล้ำ ตามที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการทวงคืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการปักป้ายระบุว่าเป็น “แนวเขตที่สาธารณประโยชน์” เพื่อแสดงแนวเขตอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังได้ทำการปิดหมายอาคารที่มีบางส่วนรุกล้ำที่สาธารณะด้วย
นายมารุต อุทัยวัฒนานนท์ วิศวกรโยธาปฏิบัติการนายตรวจเขตเมืองพัทยา เปิดเผยว่า ในวันนี้เมืองพัทยาได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาดำเนินการใน 2 ส่วน คือ เรื่องของการปิดป้ายแสดงแนวเขตที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้ และในส่วนของอาคารก็จะได้ทำการปิดคำสั่งเพิ่มเติมในส่วนของอาคารที่ไม่ได้รับอนุญาต ส่วนอาคารที่มีการออกคำสั่งได้แล้วพบว่า มีการยื่นขออุทธรณ์ก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มีการบุกรุกในพื้นที่คลองนกยาง จำนวน 115 ครัวเรือน และพบว่ามีการถมดินในพื้นที่ 11 ไร่ บริเวณทะเลหลังวัดช่องลม กินพื้นที่ไปจนถึงหลังบ้านสุขาวดี และมีการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตมานานกว่า 20 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาน้ำท่วมขังเมืองพัทยา โดยเฉพาะเขตพื้นที่ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเมืองพัทยาก็ได้ดำเนินการทวงคืนพื้นที่สาธารณะเรื่อยมา จนเป็นกระแสข่าวที่มีประชาชนให้ความสนใจและติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
