วาตภัย-เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากจังหวัดสงขลา ว่า เมื่อเย็นที่ผ่านมา นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย น.อ.อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล รองเสธ.ทรภ.2 นายเชาวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา ผู้นำท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบวาตภัย คลื่นกัดเซาะชายฝั่ง ที่ ตำบลท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา โดยเหตุการณ์วาตภัย คลื่นกัดเซาะชายฝั่ง ในครั้งนี้ มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 5 หลัง ถนนถูกคลื่นกัดเซาะได้รับความเสียหาย จำนวน 3 สาย กว้าง 4 เมตร ลึก 1.5 เมตร โดยครอบคลุมพื้นที่ 6 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ 2,3,4,5,9 และ 10 ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 500 ครัวเรือน จำนวน 1,713 คน
นางจิราพร ยาวทอง เจ้าของบ้านเลขที่ 83/1 หมู่ที่ 10 ตำบลท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา หนึ่งในผู้ที่
ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์คลื่นกัดเซาะชายฝั่งบริเวณนี้เกิดขึ้นทุกปี แต่ปีนี้มีความรุนแรงมากที่สุด ทำให้ห้องนอนที่อยู่ติดชายฝั่งพังทลายลงไปทั้งหมดโชคดีที่คืนเกิดเหตุตนไม่ได้นอนอยู่ในบ้าน เนื่องจากอพยพออกไปเช่าอาศัยที่อื่นก่อนแล้ว ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงข้าวของบางส่วนที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น และได้ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งหามาตรการในการแก้ไขปัญหา และป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวให้ได้อย่างถาวร
นายเชาวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นได้มีหน่วยงานภาครัฐ เข้าให้ความช่วยเหลือ ทั้งด้านการจัดซื้อไม้จำนวน 926 ท่อน กระสอบทราย จำนวน 1,250 ลูก ทรายจำนวน 8 คันรถ และได้จ้างแรงงาน 30 คน ร่วมทั้งมีกำลังพลจากทัพเรือภาคที่ 2 ในการบรรจุกระสอบทราย ตอกไม้ บริเวณชายฝั่งเพื่อป้องกันคลื่นกัดเซาะ และลดแรงปะทะของคลื่น ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 % ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมประชุมหารือแนวทางการช่วยเหลือ เยี่ยวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และหามาตรการในการป้องกันเพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าวในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานว่า อำเภอระโนดได้รายงานเหตุด่วนสาธารณภัยและความเสียหายเพื่อให้จังหวัดได้พิจารณาประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (10 ธันวาคม) นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นัดประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนเพื่อ หารือการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย
“อย่างไรก็ ตามมีการตั้งข้อสังเกตุว่า บริเวณที่เกิดเหตุคลื่นซัดถล่มชายฝั่งจนเสียหายนั้น อยู่ระหว่างการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น ที่ดำเนินการโดยกรมเจ้าท่า วงเงินกว่า 135 ล้านบาท โดยรูปแบบนั้นเป็นการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตชนิดตื้นดักทรายความยาวว่า 5,000 เมตร ซึ่งการก่อสร้างเกือบแล้วเสร็จ ท่ามกลางการทักท้วงของชาวบ้านและผู้นำชุมชน ว่าระยะห่างจากชายฝั่ง รวมถึงความสูงของกำแพงคอนกรีตกันคลื่นนั้นไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถป้องกันการกัดเซาะได้ แต่ทางผู้ดำเนินการกลับไม่รับไปพิจารณา ทำให้ไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ได้” นายเชาวลิต กล่าว
