“ผบช.ตร.ภาค3- 4-กองปราบ” เผย “สมคิด พุ่มพวง” บอกไม่กลัวตายระบุเกิดมาตายแค่ครั้งเดียว ชี้หลังถูกจับกุมซึมเล็กน้อยแต่ไม่สำนึกผิด

วันนี้ (18 ธันวาคม 2562) หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 3 ได้นำตัวนายสมคิด พุ่มพวง หรือ “คิด เดอะริปเปอร์” ฆาตกรต่อเนื่องวัย 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.322/2562 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ไปที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 12.00 น. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากนั้นเวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 , พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 , พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช. ภ.3 ,พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ,พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวต่อสื่อมวลชน โดยพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า จากการบูรณาการสืบสวนทราบว่า นายสมคิดฯได้หลบหนีไปในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดมหาสารคาม ก่อจะจะนำรถไปจอดไว้ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์แล้วขึ้นรถไฟ ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ ขบวนที่ 234 ออกเดินทางวันที่ 18 ธันวาคม 2562 เวลา 06.07 น. มุ่งหน้าปลายทางไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งต่อมา เวลา 10.00 น. ชุดสืบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาได้บูรณาการร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม ,กองบังคับการตำรวจรถไฟ ,ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าทำการจับกุมตัวนายสมคิดฯ ได้ที่สถานีรถไฟปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับว่า เป็นบุคคลเดียวกับบุคคลตามหมายจับ และให้การรับสารภาพ

ด้านพล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช. ภ.3 ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการหลบหนีของนายสมคิดฯ ว่า หลังก่อเหตุได้พยายามหลบหนีไปที่อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น แล้วใช้จักรยานยนต์ของผู้ตายขับหลบหนีไปนอนพักค้างแรมอยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม 1 คืน จากนั้นไปพักค้างแรมที่ รพ.บุรีรัมย์ อีก 1 คืนเพื่อหลบหนีการจับกุม โดยจอดรถจักรยานยนต์ของผู้ตายทิ้งไว้ที่ รพ.ในจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วขึ้นรถไฟหลบหนีต่อมุ่งหน้าไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตรวจอย่างละเอียดแล้ว รวมถึงทรัพย์สิน ,โทรศัพท์มือถือ และอาวุธมีดของนายสมคิดฯ ที่ตรวจยึดได้ขณะจับกุม พร้อมกับให้แพทย์มาตรวจร่างกายนายสมคิดฯ ผู้ก่อเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อประเมินอาการทางจิตด้วย

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม ได้เปิดเผยว่า หลังจากผู้ต้องหาออกจากคุกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 หลังจากออกมาก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งก่อเหตุครั้งที่ 6 โดยเริ่มจากการคบหาผู้ตายผ่านทางเฟซบุ๊ค จนมาอยู่กินใช้ชีวิตร่วมกันและมีโครงการจะแต่งงานกันด้วย แต่ในวันที่ก่อเหตุ ได้ทะเลาะกันรุนแรงเนื่องจากนายสมคิดฯ กลับบ้านดึก แล้วผู้ตายบ่นไม่หยุด จึงบันดาลโทสะแล้วลงมือฆ่า ซึ่งวิธีการทั้ง 6 ครั้ง จะใช้วิธีกดน้ำ ,เอามือบีบคอ ,ใช้ผ้ารัดคอ รวมถึงใช้สายชาร์จโทรศัพท์รัดคอเหยื่อ แต่จะไม่ใช้อาวุธปืนหรือมีด จะใช้อุปกรณ์ที่หาได้ในบ้าน ไม่ได้เตรียมอาวุธไว้ล่วงหน้าเพื่อใช้ทำร้ายหรือฆาตกรรม และไม่ใช่ประสงค์ต่อทรัพย์เป็นหลัก ส่วนลักษณะของเหยื่อจะเป็นแฟนหรือผู้หญิงให้บริการ แล้วมีการทะเลาะวิวาทกันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนฆ่าเหยื่อในที่สุด ซึ่งแผนการหลบหนีของนายสมคิดฯ จะเห็นว่าไร้ทิศทางและพยายามหนีให้ห่างจากจุดก่อเหตุให้มากที่สุด แต่เจ้าหน้าที่ได้บูรณาการกำลังกว่า 500 นาย รวมถึงประชาสัมพันธ์ประชาชนผ่านสื่อทุกช่องทาง จึงทำให้สามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว ซึ่งหลังถูกจับกุมผู้ต้องหาบอกว่าไม่กลัวตาย เพราะเกิดมาตายได้ครั้งเดียว มีอาการซึมเล็กน้อยแต่ไม่ได้มีอาการสำนึกผิด พล.ต.ต.จิรภพ ฯ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image