กรณีพบผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ป่วยแขนขาอ่อนแรงจำนวนมาก และเสียชีวิต จำนวน 4 ราย ซึ่งแพทย์ระบุว่าทั้งหมดมีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์สูง อาจจะมาจากอาหารที่รับประทาน แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนนั้น
เมื่อวันที่ 6 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ว่า เช้านี้มีบรรดาญาติผู้ต้องขังจำนวนมากเดินทางไปเยี่ยมตั้งแต่เช้าตรู่ พร้อมกับติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับบัตรคิวเข้าเยี่ยม ซึ่งจะมีเวลาให้เยี่ยมเพียงคนละ 5 นาที เท่านั้น ส่วนใหญ่ญาติที่เยี่ยมผู้ต้องขังรู้สึกกังวลใจ เนื่องจากทราบข่าวว่าที่เรือนจำแห่งนี้มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก และเสียชีวิตถึง 4 ราย โดยหนึ่งในญาติที่มาเยี่ยมผู้ต้องขัง เปิดเผยว่า เพิ่งมาเยี่ยมลูกชายซึ่งต้องโทษอยู่ในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เป็นเวลา 4 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าลูกชายมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ร่างกายผอมลงผิดปกติ ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะป่วยเป็นโรคเดียวกับที่มีผู้เสียชีวิต จึงอยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดูแลผู้ต้องขังอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน หรือที่อยู่อาศัยหลับนอน เพราะนักโทษก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 5 มกราคม นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือและวางแผนปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 7 วัน และในช่วงเช้านี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้เข้าไปตรวจสอบภายในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกอีกครั้ง
ขณะที่ นพ.ปิยะ ศิริลักษณ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (รพ.สสจ.) พิษณุโลก กล่าวถึงอาการของผู้ต้องขังที่ป่วยว่า ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาล (รพ.) ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 24 ราย รพ.พุทธชินราช 4 ราย รพ.วังทอง 20 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้จากการตรวจสอบพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ ขณะที่ในวันที่ 7 มกราคมนี้ ทางทีมแพทย์ก็จะเข้าไปตรวจเลือดให้กับผู้ต้องขังทั้งหมดตามแผนปฏิบัติการอีกครั้ง
