ปส.บุกจับจิมมี่ เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ สระบุรี- ลพบุรี ตั้งตัวขึ้นแท่นแทนแฝดทมิฬ

บช.ปส.บุกจับ จับจิมมี่ เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่สั่งยาจากชายแดนภาคอีสานจำหน่ายในจังหวัดสระบุรี- ลพบุรี ตั้งตัวขึ้นแท่นแทนแฝดทมิฬ

เมื่อวันที่ 7 มกราคม พล.ต.ท.วิสนุ. ปราสาททองโอสถ ผช.ผบ.ตร./ รองผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.วัชรินทร์. บุญคง ผบก.ปส.2 พ.ต.อ.พรศักดิ์. สุรสิทธิ์ รอง ผบก.ปส.2 พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผบก.ปส.3 บช.ปส. พร้อมชุดสยบไพรี นำตัวนายปัณณทัต หรือจิมมี่ วงษ์พันธ์ วัย 29 ปี ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด ที่เพิ่งถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจ.สระบุรี มาเข้าตรวจค้นบ้าน เลขที่ 54/3 หมู่ 5 ต.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งเป็นบ้านแม่ของนายจิมมี่ หลังชุดสืบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้สั่งการลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนภาคอีสาน มากระจายในพื้นที่ จ.สระบุรี และจ.ลพบุรี ซึ่งเป็นขยายผลจากการจับกุมขบวนการขนยาเสพติด ช่วงเดือนกันยายน -ธันวาคม ที่ผ่านมา พร้อมยึดยาเสพติดได้จำนวนมาก และพบว่า 1ในรถยนต์ที่ใช้ขนยาเสพติดในครั้งนั้น มีชื่อนายจิมมี่เป็นผู้ครอบครอง

พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่าในช่วงระยะ 1 ปี หลังจากที่คู่แฝดคิสเนอร์ อดีตเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.สระบุรี -ลพบุรี ถูกยิงเสียชีวิต นายจิมมี่ ก็เริ่มผันตัวจากคนเฝ้าและขนยาเสพติดมาเป็นผู้สั่งการและเป็นผู้ค้ารายสำคัญในการติดต่อสั่งยาเสพติดโดยตรงจากชายแดนภาคอีสาน ก่อนนำมากระจายในพื้นที่ ซึ่งเครือข่ายนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะมีสมาชิกในเครือข่ายเป็นกลุ่มวัยรุ่นในการแบ่งหน้าที่กันทำ ถือได้ว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการตัดวงจรของเครือข่ายยาเสพติดที่กำลังจะขยายตัว และขยายพื้นที่ื

ผบช.ปส. กล่าวอีกว่า สำหรับวิธีการขนยาเสพติดของเครือข่ายนายจิมมี่ จะใช้วิธีซื้อรถยนต์มือสองจากเต๊นท์รถ ย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อนำมาขนยาเสพติด เมื่องานสำเร็จจะนำรถคันดังกล่าวไปขายที่เต๊นท์รถในพื้นที่จ.สระบุรี จากการสืบสวนพบว่านายจิมมี่มักจะเปลี่ยนรถทุกครั้งที่ใช้ แต่มีรถยนต์เพียงคันเดียวที่นายจิมมี่ใช้เป็นรถยนต์หลักในการขับขึ้นไปติดต่อประสานกับกลุ่มค้ายาเสพติดภาคอีสานถึง2 ครั้ง เบื้องต้นพบทรัพย์สินเงินหมุนเวียนที่มาจากการค้ายาเสพติดกว่า 25 ล้านบาท

Advertisement

พล.ต.ท.วิสนุ กล่าวว่าสอบสวน นายจิมมี่ ให้การเบื้องต้นว่า มีอาชีพทำไร่ ส่วนการค้ายาเสพติดทราบเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ไม่ทราบรายละเอียดอื่นๆ ทั้งนี้ไม่ขอตอบว่ารายละเอียดที่ทราบคืออะไร และไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ขณะที่ แม่ของผู้ต้องหา ร้องไห้เสียใจ และรับว่าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองไม่เคยทราบมาก่อนว่าลูกชายเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ปัจจุบันลูกชายไปอยู่บ้านภรรยา และมีอาชีพทำไร่ ก่อนหน้านี้ลูกชายเคยมีอาชีพเลี้ยงไก่ โดยแต่ละครั้งที่กลับมาบ้านจะให้เงินบ้าง แต่ไม่ได้ส่งเสียให้แม่ทุกเดือน ซึ่งที่แม่ร้องไห้เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายหายไปจึงเกิดความเป็นห่วง และได้ไปแจ้งความไว้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image