วันที่ 9 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ปริมาณน้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่องภายในบึงบอระเพ็ด เริ่มส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเดินเรือท่องเที่ยวชุมทุ่งบัวแดง และเที่ยวดูนกหนีหนาวบ้างแล้ว เนื่องจากเจ้าของกิจการเดินเรือท่องเที่ยวภายในบึงบอระเพ็ด ต่างกำลังประสบกับปัญหาเส้นทางเดินเรือ เพราะปริมาณน้ำที่ลดลงได้ส่งผลทำให้บางจุดไม่สามารถเดินเรือผ่านได้ เพราะน้ำตื้นเขิน เกิดสันดอนไทยและมีตอไม้โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ จึงส่งผลทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวแต่ละจุดของบึงต้องใช้เวลานานขึ้น เพราะต้องใช้เส้นทางอ้อมผ่านใจจุดที่ตื้นเขิน
จากการสอบถาม นายไพศาล เมืองจั่น ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำภายในบึงขณะนี้ ลดลงเร็วกว่าปีก่อน ซึ่งได้ส่งผลกระทบทำให้เดินได้ลำบากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยสามารถเดินเรือได้สะดวกรอบบึง และเคยพานักท่องเที่ยวล่องเรือไปเที่ยวชมทุ่งบัวแดง ใช้เวลาเดินเรือไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง แต่ขณะนี้ต้องใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ถึงจะไปจุดนั้นได้ รวมถึง จุดท่องเที่ยวชมนกตามเกาะต่างๆ ที่มีนกอพยพหนีหนาวจากที่อื่นมาอาศัยอยู่ในช่วงฤดูหนาว ก็ต้องใช้เวลาเดินเรือมากขึ้นด้วยเช่นกัน เลยส่งผลทำให้ต้นทุนค่าน้ำมันในการเดินเรือเพิ่มสูงขึ้นมากไปอีก แต่ยังคิดค่าบริการเท่าเดิม คือ ชั่วโมงละ 1,200 บาท ซึ่งก็ไม่สามารถเพิ่มราคาได้ เพราะกลัวว่านักท่องเที่ยวจะบ่นว่าแพง รับไม่ไหวกับค่าเดินทาง
นายไพศาลยังบอกด้วยว่า สาเหตุที่ปริมาณน้ำภายในบึงบอระเพ็ดลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น ส่วนหนึ่ง เป็นปัญหาภัยแล้งที่ฝนทิ้งช่วงยาวนาน และแม่น้ำน่านรวมถึงเส้นทางน้ำที่มาจาก จ.เพชบูรณ์ มีปริมาณต่ำกว่าเกณฑ์ จึงทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลมาเติมบึงได้น้อยลง ประกอบกับเกษตรกรที่อยู่รอบบึงบอระเพ็ด ยังคงมีการทำนาปรังกันอยู่ จึงส่งผลทำให้ปริมาณน้ำลดลงไวมากกว่าปีก่อน ที่กว่าจะประสบปัญหาเส้นทางเดินเรือ จะเริ่มช่วงเดือนเมษายนของทุกปี จึงถือว่าน่าเป็นห่วงมาก
“ทุกปี บึงบอระเพ็ดจะประสบกับปัญหาภัยแล้งเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ปีนี้ ถือว่าน้ำลดไวมากกว่าปีก่อน เพราะนี่แค่เพิ่งเดือนมกราคม น้ำยังลดฮวบถึงขนาดต้องจำกัดพื้นที่เส้นทางเดินเรือไปเรื่อยๆ แล้ว และหากปริมาณน้ำในบึงยังคงลดอย่างต่อเนื่องอยู่เช่นนี้ เชื่อว่า อาจจะเข้าขั้นวิกฤตเหมือนปี 2558 ที่สามารถขับขี่รถลงไปเที่ยวภายในบึงบอระเพ็ดได้เลยทีเดียว” นายไพศาลกล่าวทิ้ง
