“เจ้าหน้าที่” ยึดไม้สักมูลค่ากว่าล้าน แต่ถูกขู่แจ้งความข้อหาบุกรุกจากผู้รับมอบอำนาจจากบิ๊กข้าราชการที่โคราช

เมื่อวันที่ 22 ม.ค.63 นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 (ท่าเสา) ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ต.บรรลพ สมพงษ์ สว.กก.5 บก.ปทส.ร.ท.ไพฑูรย์ ทองสุข หัวหน้าหน่วยดูแลรักษาพื้นที่เกษตรกรรมบ้านทุ่งก้างย่าง พล.ร.9 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่ 136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ภาค 7 เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดกาญจนบุรี สนธิกำลังกว่า 70 นาย นำรถบรรทุก 10 ล้อ รวมทั้งรถเครน ไปเคลื่อนย้ายไม้สักท่อนที่ตรวจยึดเอาไว้เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 254 ท่อน ที่บริเวณป่าหลังวัดท่าทุ่งนาฤทธาราม หมู่ 2 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

โดยระหว่างการเคลื่อนย้ายปรากฏว่า มีนายขจร ทองสุก อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 4 ต.ไทรโยค มาพบกับคณะเจ้าหน้าที่ พร้อมกับแจ้งว่าได้รับมอบอำนาจจาก นายกรณ์ (นามสมมติ) เจ้าของไม้สักและผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ให้มาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ โดยมีหนังสือการมอบอำนาจมาด้วย ระบุว่า “ได้มอบอำนาจให้ นายขจร ทองสุข ดูแลทรัพย์สินที่อยู่ในพื้นที่ ภ.บ.ท.5 ที่ดินตั้งอยู่หน่วยที่ 1 หน้าสำรวจที่ 327/57 หมู่ที่ 2 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และหากมีผู้ใดละเมิด บุกรุกในชั้นนี้ดังกล่าว ขอมอบให้ นายขจร เป็นผู้แทนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ถึงวันที่ 8 มีนาคม 2563 แทนข้าพเจ้าจนเสร็จ”

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่ นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา) กับเจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวอยู่นั้น ได้มีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาหา พร้อมกับแจ้งว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่บุกรุกเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด แต่ชายคนดังกล่าวไม่ได้แสดงตนว่าเป็นใคร จนกระทั่งช่วงเช้าวันนี้จึงทราบว่า บุคคลดังกล่าวคือ นายขจร ทองสุก ดังนั้น นายไพโรจน์ จึงได้พูดถึงที่มาที่ไป พร้อมอธิบายข้อกฎหมายโดยละเอียดให้ นายขจร รับฟังจนเข้าใจ

โดย นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสมชาย เปรมพาณิชย์นุกูล ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่10 (ราชบุรี) ได้รับแจ้งจากผู้หวังดี (ไม่ประสงค์ออกนาม) ว่ามีขบวนการลักลอบตัดโค่นไม้สักเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณป่าหลังวัดท่าทุ่งนาฤทธาราม พื้นที่หมู่ 2 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

Advertisement

หลังจากได้รับแจ้ง นายสมชาย จึงสั่งการให้ตน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.19 (บ้องตี้) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5.บก.ปทส.เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอไทรโยค รวมทั้งผู้นำท้องที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่ได้รับแจ้ง เพื่อปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในพื้นที่รับผิดชอบ

เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ไปถึงพบไม้สักขนาดใหญ่ถูกโค่นและนำมาตัดทอนเป็นท่อน กระจายเป็นบริเวณกว้าง บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบที่ไม้ ปรากฏว่าไม่พบรูปรอยดวงตราของเจ้าหน้าที่ตีประทับเอาไว้เพื่อแสดงสัญลักษณ์การอนุญาตแต่อย่างใด
จากการสอบถาม นายสายชล กาวงษ์ ตำแหน่งสารวัตรกำนัน ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ เอกสารใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือให้ (ภ.บ.ท.5) และได้ทำการซื้อขายเปลี่ยนมือกันหลายทอดแล้ว จึงไม่ทราบว่าปัจจุบันนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของผู้ใด

ไม้สักที่ปลูกเอาไว้ในที่ดินที่เป็นใบ ภ.บ.ท.5 ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ ไม่สามารถตัดโค่นต้นไม้ได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และ 69 จากนั้นจึงได้ร่วมกันจัดทำบันทึกการสืบสวนเบื้องต้น เพื่อนำไปลงประจำไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.ไทรโยค
ส่วนไม้ของกลาง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจนับและวัดขนาด รวมทั้งทำบัญชีและคิดคำนวณค่าเสียหาย พร้อมตีตราประทับไว้เพื่อแสดงการตรวจยึด จากนั้นจะทำการเคลื่อนย้ายไม้สักทั้งหมดไปเก็บไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา) แต่เนื่องจากในวันดังกล่าวท้องฟ้ามืดลงเสียก่อนจึงไม่ได้เคลื่อน ตนและคณะเจ้าหน้าที่จึงจัดเวรยามเฝ้าของกลางเพื่อรอการขนย้ายในวันนี้ (22 ม.ค.63)

สำหรับไม้สักที่ตรวจยึดในครั้งนี้มีอายุประมาณ 20-30 ปี ไม้ท่อนนับรวมกันได้ จำนวน 254 ท่อน ซึ่งแต่ละท่อนถูกตัดทอนเป็นท่อน มีความยาวตั้งแต่ 1 เมตร 2 เมตร 4 เมตร 6 เมตร 8 เมตร และ 12 เมตร เส้นรอบวงกลมอยู่ที่ประมาณ 120 เซนติเมตร ถึง 240 เซนติเมตร ลักษณะคล้ายจะนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่กำลังทำการวัดปริมาตรของไม้ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
โดย นายไพโรจน์ ได้กล่าวฝากเตือนไปถึงชาวบ้านว่า อยากเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่า ที่ทางการอนุญาตให้ตัดไม้ได้นั้น พื้นที่ที่ปลูกจะต้องเป็นที่ดินที่ได้มาตามกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายที่ดิน คือจะต้องมีเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 น.ส.3 ก.ไปจนถึงที่ดินที่เป็นโฉนด ส่วนต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในพื้นที่เอกสารใบ ภ.บ.ท.5 หน่วยงานรัฐยังไม่อนุญาตให้ตัดโค่นได้ หากสงสัยก็ขอให้ไปสอบถามได้ที่ศูนย์ป่าไม้จังหวัด หรือหน่วยป่าไม้ที่อยู่ใกล้พื้นที่

ด้าน นายขจร ทองสุก ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดิน กล่าวว่า เจ้าของที่ได้ปลูกไม้เอาไว้เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ต้นเท่านิ้วก้อยจนโตถึงขนาดนี้ และปัจจุบันเจ้าของต้องการเอาที่แปลงนี้ไปทำอย่างอื่น จึงตัดไม้สักออก และนำมาวางเอาไว้โดยรอบที่ เพื่อเตรียมที่จะสร้างบ้าน เพราะคิดว่าเขาปลูกเอาไว้เอง ซึ่งเจ้าของเป็นชาวบ้านธรรมดา จึงอาจจะไม่รู้กฎหมาย ด้วยความสะเพร่าจริงๆ จึงทำให้เราทำผิดกฎหมายลงไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าของที่เป็นใคร นายขจร ตอบว่า “เป็นอาจารย์ อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนี้ยังรับราชการอยู่ เมื่อเขาทราบเรื่องจึงให้ตนมาดู แต่ตนก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย เพียงมาดูให้เฉยๆ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image