เมื่อวันที่ 25 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ดัชนีคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพชาวเชียงใหม่ (CMAQHI) รายงานคุณภาพอากาศ โดยวัดค่าหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 พบว่า ค่า PM 2.5 สูงสุดที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน วัดได้ 270 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนเชียงใหม่ ที่ อบต.บงตัน อ.ดอยเต่า วัดได้ 239 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เทศบาลตำบล (ทต.) บ้านตาล อ.ฮอด วัดได้ 222ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ส่วน อบต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง วัดได้ 26 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ไม่เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
นางวาสนา ชัยเลิศ ที่ปรึกษาสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวแม่แตง จ.เชียงใหม่ ในฐานะผู้บริหารปางช้างแม่แตง เผยว่า ปัญหาไฟป่าหมอกควันและ PM2.5 ส่งผลกระทบต่อปางช้าง 43 แห่ง และช้างที่ให้บริการท่องเที่ยวกว่า 600 เชือก ค่อนข้างน้อย เนื่องจากส่วนภาคส่วน ได้ร่วมกันทำแนวไฟป่ายาวกว่า 20 กิโลเมตร พร้อมให้พนักงานปางช้างกว่า 100 คน ทำหน้าที่เฝ้าระวังและลาดตระเวนดับไฟป่าพื้นที่เสี่ยง โดยร่วมกับฝ่ายปกครองทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และจิตอาสา โดยใช้เครื่องเปาลม และอุปกรณ์ดับไฟป่าพื้นที่ ต.กึ๊ดช้าง และ ต.บ้านช้าง อ.แม่แตง จนถึงพฤษภาคมนี้ หรือเข้าสู่ฤดูฝน เนื่องจากเป็นป่าต้นน้ำลำธาร และมีลำห้วยสาขาไหลลงสู่ลำน้ำแม่แตง ที่ใช้นั่งช้างและล่องแพกว่า 10 สาย
“ล่าสุด ได้ร่วมกันทำฝายชะลอน้ำลำห้วยก่อนไหลลงลำน้ำแม่แตง 2 แห่ง เพื่อสร้างความชุ่มชื้น พร้อมปลูกกล้วย และไผ่ เพื่อเป็นอาหารของช้างเพิ่ม มีเป้าหมายสร้างฝายแม้ว รวม 20 แห่ง เนื่องจากระดับลำน้ำแม่แตงลดระดับลงมากจากเดิม 1-2 เมตร เหลือเพียง 40-50 เซนติเมตรเท่านั้น เนื่องจากลำห้วยบางสาขาแห้งขอดแล้ว พร้อมระดมทุนสนับสนุนการรณรงค์ป้องกันไฟป่าหมอกควัน อ.แม่แตง ซึ่งดำเนินการมากว่า 10 ปีแล้ว” นางวาสนากล่าว
ทั้งนี้ นายสืบพงษ์ นิ่มพูลสวัสดิ์ นายอำเภอแม่แตง ได้ประชุมเพื่อบูรณาการทุกภาคส่วน พร้อมกำชับทุกฝ่ายมีส่วนร่วมแก้ปัญหาดังกล่าวแบบยั่งยืนแล้ว ส่วนพื้นที่ปลูกพืชไร่ กว่า 2,000 ไร่ เพื่อเลี้ยงช้างกว่า 600 เชือกนั้น ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งน้อย แต่มีอาหารเลี้ยงช้างเพียงพออยู่