เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมนายวงศกร นุ่นชูคันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และ นพ.เฉลิมพล สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ร่วมแถลงผลการปฏิบัติเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากจีน หลังประชาชนเริ่มตื่นตระหนกหลังมีกระแสข่าวการพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสดังกล่าวที่จังหวัดภูเก็ต
โดยการแถลงข่าวยืนยันว่ายังไม่พบผู้ป่วยในพื้นที่แต่อย่างใด มีเพียงผู้ป่วยเข้าข่ายต้องสงสัยในโรงพยาบาลที่ต้องดูแลอีก 4 ราย คือ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 2 ราย โรงพยาบาลถลาง 1 ราย และ โรงพยาบาลป่าตอง 1 ราย ซึ่งทั้ง 4 ราย อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการป้องกัน การเฝ้าระวัง การตรวจสอบมีการยกระดับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาจากทุกเมืองเข้ามาภูเก็ต กว่า 40 เที่ยวบิน 8,000 คนต่อวัน โดยจะใช้เครื่องมือตรวจวัดอุณหภูมิทุกประตูทางเข้า 36 ตัว ซึ่งจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สนับสนุนงบจัดซื้อ อย่างช้าที่สุดภายในวันจันทร์ (27 ม.ค.) นี้ จะได้ครบทั้ง 36 เครื่อง
นพ.ธนิศ เสริมแก้ว กล่าวว่า ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตเริ่มเฝ้าระวังคัดกรองผู้เข้าข่ายมีนิยามต้องสอบสวนโรค ซึ่งมีทั้งหมด 12 ราย ในจำนวนนี้ 8 ราย มีผลการตรวจเลือดและผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการออกมาเป็นลบ แพทย์อนุญาตให้กลับที่พักแล้ว ปัจจุบันยังเหลือที่พักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 4 ราย คือ โรงพยาลวชิระภูเก็ต 2 ราย โรงพยาบาลป่าตอง 1 ราย และโรงพยาบาลถลาง 1 ราย ทั้ง 4 รายจะทราบผลเร็วๆ นี้ คาดว่าผลน่าจะเป็นลบเช่นกัน
“จังหวัดภูเก็ต มีการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มาจากจีนทุกไฟลต์ทุกรายก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจดูว่าใครบ้างที่มีความเสี่ยง เราจะอาศัยมาตรฐานเดิมที่เคยทำ คือ สายการบินจะตรวจคัดกรองให้เราเบื้องต้นว่า มีนักท่องเที่ยวคนไหนบ้างที่มีอาจมีไข้ โดยทั่วไปจะมีการคัดกรองก่อนขึ้นเครื่องอยู่แล้ว เพียงแต่บางรายอาจไม่มีอาการ ก็จะตรวจคัดกรองอีกครั้งบนเครื่องบินส่วนขั้นตอนการตรวจคัดกรองในผู้ที่มีอุณหภูมิในร่างกายมากกว่า 38 องศาเซลเซียส เนื่องจากข้อมูลที่มีการรวบรวม และสอบสวนโรคที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศจีน พบว่ามี 3 ลักษณะ อย่างแรก คือ เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเมืองอู่ฮั่น ต้องเกี่ยวพันกับอู่ฮั่น 2.ต้องมีไข้ จะเป็นอีก 1 ข้อที่เราจะคัดกรอง และสุดท้าย เป็นเรื่องของอาการระบบทางเดินหายใจส่วนบน อาจจะไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรืออาการหายใจลำบาก
ถ้ามีลักษณะอาการเข้า 3 อย่างนี้ เรียกว่าเข้าตามนิยามต้องสอบสวน ก็มีการมารับตัวแยกไปกักที่โรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นห้องแยกไม่แพร่เชื้อ หลังจากนั้นทำการสุ่มตรวจในห้องปฏิบัติการ ส่งสารคัดหลั่ง ส่งเลือดไปตรวจ ถ้าผลออกมาเป็นลบ แสดงว่าไม่ใช่ ส่วนการป้องกันตนเอง ในส่วนของพี่น้องประชาชน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศไปก่อนหน้านี้ ให้พยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปอยู่ในแหล่งชุมชน หลีกเลี่ยงคนที่ไอจาม ไม่พยายามเข้าไปคลุกคลีด้วย ให้ใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน และกินอาหารที่ปรุงสุก” นพ.ธนิศกล่าว
