เปิดปม เหตุจ่าสิบเอกคลั่งกราดยิง เอี่ยวจัดสรรที่ดินในค่ายทหาร ทวงเงินไม่ให้ ถูกสั่งขังซ้ำ!

จากกรณี จ่าคลั่งก่อเหตุกราดยิงกลางเมืองโคราช จนมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 30 คน และบาดเจ็บอีกหลายราย

เมื่อวันที่ 10 ก.พ. พ.ต.ท.พิชัย เชิดชู รอง ผกก.สภ.โพธิ์กลาง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง กล่าวว่า ได้ให้เจ้าพนักงานสอบสวนสอบปากผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 10 กว่าปาก กรณีจ่อยิงที่บ้านถนนหัก ตอนนี้ จนท.กำลังเร่งทำงานอยู่ ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน จึงยังไม่สามารถสรุปสำนวนในตอนนี้ได้ ส่วนชนวนเหตุเป็นเรื่องในสำนวนคดี ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เช่นกัน ทั้งนี้ อาจมีข้อมูลหลายทางถึงมูลเหตุจูงใจที่ จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กองทัพภาคที่ 2 นำไปสู่การก่อเหตุที่รุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ปมปัญหาหนึ่งนั้น คือ หนี้สินเรื่องนายหน้าค้าที่ดิน จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นนายหน้าให้แม่ยายผู้บังคับบัญชา ยศพันเอก สังกัดกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 โดยการชักนำเพื่อนให้มาซื้อที่ดิน หรือบ้านจัดสรร โดยเพื่อนจะได้รับค่าส่วนต่าง และตนเองจะได้รับค่านายหน้า แต่ระยะหลังกลับพบว่า มีการค้างจ่ายเงินค่านายหน้าหลักแสนบาท และ ยังมีนายหน้าคนใหม่เข้ามามีบทบาท จึงได้นัดเคลียร์ปัญหากัน แต่ตกลงกันไม่ได้จนนำไปสู่การสังหารโหด

รายงานข่าวระบุว่า หนึ่งในมูลเหตุที่เชื่อว่า นำไปสู่การสังหารเพราะเจ้าของบ้านติดค้างเงินค่านายหน้ากับผู้ก่อเหตุ และมีการทวงเงินตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา เป็นนายหน้าที่ดิน และขายบ้านจัดสรรให้นางอนงค์มานานกว่า 2 ปี โดยการชักชวนเพื่อนในกองทัพภาคที่ 2 ให้มาซื้อที่ดิน หรือ ซื้อบ้าน โดยเพื่อนจะได้เงินค่าส่วนต่างคืนครึ่งหนึ่ง จากยอดกู้เงินสวัสดิการ และ จ่าสิบเอกจักรพันธ์ จะได้รับค่านายหน้าเป็นรายครั้ง แต่ระยะหลังกลับไม่จ่ายเงินตามกำหนด และค้างจ่ายจนมียอดสะสมหลักแสนบาท

ขณะที่อีกประเด็นคือการบีบบังคับให้ผู้ก่อเหตุจำยอม โดยการนัดเคลียร์ปัญหาที่บ้านนางอนงค์ โดยมีผู้บังคับบัญชารับรู้ ทั้งเรื่องเงินค้างจ่าย และนายหน้าคนใหม่ ทั้งนี้ยังมีข้อมูลจากเพื่อนทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 2 อ้างว่า ผู้ก่อเหตุเคยบ่นถึงปัญหาหนี้สิน และอ้างว่าถูกโกง จึงเชื่อว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุ ก่อนตัดสินใจก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลสามีนางอนงค์ ที่ระบุถึงการค้างจ่ายเงินระหว่างภรรยากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทยอยจ่ายคืนจนครบ และก้อนล่าสุดอีก 5 หมื่นบาท ก็ฝากนายหน้าคนใหม่ไปให้ แต่ผู้ก่อเหตุอาจจะยังไม่ได้รับ และเข้าใจว่าถูกโกง จึงตัดสินปัญหาด้วยความรุนแรง

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

 

ด้านนางแต๋ว (สงวนชื่อนามสกุล) เปิดเผยว่า ตนนั้นรู้จักกับนางอนงค์ มิตรจันทร์ (ผู้ตายรายแรก) มาเป็นเวลานาน โดยนางอนงค์เป็นคนจัดสรรที่ดินในค่ายทหาร เอามาขายให้กับคนที่สนใจซื้อที่ดิน นางอนงค์จะขายที่ราชพัสดุให้กับทหารในราคา 1 ล้าน 5 แสนบาท ซึ่งคนที่จะซื้อต้องนำเงินมาให้นางอนงค์ และนางอนงค์ต้องนำเงินนั้นไปจ่ายให้กรมสวัสดิการ กรมสวัสดิการจะคืนเงินส่วนต่างมาให้ 4-5 แสนบาทให้กับคนซื้อ (เนื่องจากเป็นสวัสดิการของทหารสำหรับผู้ที่ครอบครอง) ในกรณีของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ที่ได้ซื้อที่ดินกับนางอนงค์ แต่นางอนงค์ ไม่ได้คืนส่วนต่างให้ อ้างว่าเงินส่วนนั้นอยู่กับนายหน้าซื้อขายที่ดิน ซึ่งจ.ส.อ.จักรพันธ์ ก็พยายามมาทวงถามตลอด จนทำให้จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถูกผู้บังคับบัญชาบางคนสั่งขัง ทำโทษและหักเบี้ยเลี้ยงตลอด เลยทำให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ เกิดความเครียด กดดันและเก็บกด เมื่อล่าสุดนางอนงค์ นัดหมายให้ไปเคลียร์เรื่องเงิน พอไปถึงก็ไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้ จึงได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

Advertisement

“แต่ก่อนนางอนงค์ ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมากนัก แต่เพิ่งมามีฐานะในช่วงเริ่มขายที่ดิน ตนเองก็เคยจัดสรรที่ดินกับนางอนงค์ แต่นางอนงค์ไม่คืนเงินในส่วนของตนที่จะได้จำนวน 20,000 บาท ตนไม่รู้ว่าที่ผ่านมา นอกจากตน จ.ส.อ.จักรพันธ์ แล้วยังมีใครที่มาซื้อที่จัดสรรกับนางอนงค์แล้วยังไม่ได้เงินคืนอีกบ้าง”

ทั้งนี้เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดสุทธจินดาวรวิหาร อำเภอเมืองนครราชสีมา เพื่อสังเกตการณ์การจัดเตรียมพิธีบำเพ็ญกุศลศพ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี ผู้บังคับการกองพันกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 และ นางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และเป็นแม่ยายของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ โดยมีทหารและญาติได้จัดเตรียมสถานที่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. ทันทีที่ญาติของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ เห็นผู้สื่อข่าวกำลังบันทึกภาพ ได้ออกมาชี้หน้าและให้งดถ่ายภาพไม่อนุญาตให้สำนักข่าวใดถ่ายทำข่าว ผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามปมสาเหตุของการสังหารตามที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ฯผู้ก่อเหตุระบุถึงชนวนเหตุนั้น ญาติคนดังกล่าวก็โบกมือปฏิเสธและขอร้องให้ผู้สื่อข่าวและช่างภาพออกไปจากบริเวณดังกล่าวทันที

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image