เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลกระทบเอลนีโญทำให้ปริมาณฝนตกในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติเฉลี่ย 30-40 % ส่งผลให้น้ำต้นทุนในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำของสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา (ชป.8 นม.) รวมทั้งสระน้ำในท้องถิ่นมีปริมาณน้ำน้อยที่สุดในรอบ 10 ปี แม้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง ชป.8 นม. ได้เพิ่มปริมาณผันน้ำมาช่วยแต่ชาวบ้านต้นน้ำติดตั้งเครื่องสูบน้ำกว่า 100 เครื่อง ตามเส้นทางน้ำไหลผ่านทำนบ 5 แห่ง พื้นที่อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน และอ.ขามทะเลสอ เพื่อดักสูบน้ำในคลองธรรมชาติ ส่วนใหญ่ใช้ทำนาปรัง กระแสน้ำจึงไหลมาไม่ถึงลุ่มน้ำสาขาลำตะคองตอนล่าง ตั้งแต่อาคารแบ่งน้ำละลมหม้อ ต.โคกกรวด อ.เมือง ถึงประตูระบายน้ำ (ปตร.) คมชุมและศาลาโพธิ์เตี้ย มีสภาพแห้งขอด มองเห็นเนินดินเป็นหย่อมๆ สามารถเดินเท้าข้ามฝั่งได้ การประปาท้องถิ่นที่ต้องใช้น้ำดิบจากลำตะคองไม่สามารถผลิตน้ำประปาให้ชาวบ้านกว่า 4 หมื่นคน พื้นที่ 8 ตำบล ประกอบด้วย ต.โคกกรวด ต.บ้านใหม่ ต.ปรุใหญ่ ต.หนองจะบก ต.หนองกระทุ่ม ต.หมื่นไวย ต.จอหอ ต.ตลาด อ.เมือง เดือดร้อนขาดน้ำอุปโภค บริโภค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ระดมรถบรรทุกน้ำออกตระเวนจ่ายแจกน้ำบรรเทาความเดือดร้อนและนัดรวมตัวเดินทางไปพบชาวบ้านต้นน้ำ โดยมี นายทหารกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี เป็นตัวกลางช่วยเจรจาขอความเห็นใจ ให้หยุดสูบน้ำชั่วคราว เพื่อให้มวลน้ำในคลองธรรมชาติไหลถึงปลายทางก่อน
นางสุทิน ชาติพุดซา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองกระทุ่ม พร้อมพวกซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำลำบริบูรณ์ลำน้ำสาขาลำตะคองตอนล่าง ได้ลงพื้นที่ตรวจการไหลของมวลน้ำ พบสิ่งกีดขวางเส้นทางน้ำ โดยใช้เศษกิ่งไม้ กระสอบทราย แผ่นไม้อัดวางในคลองน้ำหลายแห่ง เพื่อชะลอการไหลและยังมีการลักลอบสูบน้ำเข้านาปรัง จึงปิดเครื่องสูบน้ำและทำลายสิ่งกีดขวางทางน้ำและนายเริงรบ บทสูงเนิน เจ้าหน้าที่กองช่าง เทศบาลตำบล (ทต.) บ้านใหม่ และเจ้าหน้าที่ได้นำรถขุดตัก หรือรถแบคโฮทำลายกองดินของโครงการบ้านจัดสรรได้ถมคลองน้ำธรรมชาติ ช่วงไหลผ่านบ้านเดื่อ หมู่ 8 ต.โคกกรวด แล้วนำท่อขนาด 40 เซนติเมตร มาวางให้น้ำไหลผ่าน เพื่อให้รถบรรทุกดินแล่นไปถมดินโครงการฯ ทำให้มวลน้ำไม่สามารถไหลผ่านได้
ด้านนายชยุธพงศ์ อำรุงสุข ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำดิบในเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำ 129 ล้าน ลบ.เมตร หรือ 40 % ของพื้นที่เก็บกัก 314 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากการตรวจการไหลของมวลน้ำ หลังได้เพิ่มปริมาณผันน้ำจากเดิมวันละ 5.5 แสน ลบ.ม.เป็น 7 แสน ลบ.ม.มาตามคลองน้ำธรรมชาติ เพื่อให้ไหลมาถึงลำตะคองตอนล่าง รวมระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร พบนาปรังขยายเพิ่มกว่า 1.5 หมื่นไร่ ส่วนหนึ่งได้เตรียมแปลงนา จึงชี้แจงทำความเข้าใจชาวนาร้องขอไม่ให้ทำนาปรังเพิ่ม ไม่เช่นนั้นคนท้ายน้ำจะเดือดร้อน
“ขณะนี้คลองน้ำตอนล่างแห้งขอด ทำให้กระแสน้ำต้องแตกทุ่งและซึมลงดินคาดการณ์ต้องใช้เวลาพอสมควรจึงจะไหลมาถึงปลายทาง ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือโดยชี้แจงทำความเข้าใจร่วมทั้งป้องปรามอย่างเต็มที่ มิเช่นนั้นเพิ่มการผันน้ำเท่าไรก็ไม่พอ คนท้ายน้ำต้องขาดน้ำกินน้ำใช้เหมือนเดิม” นายชยุธพงศ์ กล่าว
