ร.ร.เมืองกาญจน์ สั่งปิด 5 วัน หลังผู้ปกครองเพิ่งกลับจากเกาหลี แล้วไปส่งลูกที่ร.ร.

ผอ.รร.ชุมชนบ้านหลุมรัง ประกาศปิดเรียน 5 วัน หนีไวรัสโควิด-19 หลังพบผีน้อยกลับจากกรุงโซล ส่งลูกที่โรงเรียน เผยประวัติถูกกักก่อนขึ้นเครื่อง 14 วัน แต่ไม่พบว่าป่วย ทางการเกาหลีจึงส่งกลับ แต่ต้องกักตัวที่บ้านพัก ตามเดิม

วันนี้ 8 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าจะมีการปิดโรงเรียนชุมชนบ้านหลุมรัง หมู่ 5 ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 5 วัน พร้อมกับจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่ง ทำความสะอาดทั้งโรงเรียนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียน 2 คน เพิ่งเดินทางกลับจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หวั่นเกรงว่าอาจจะติดไวรัสโควิด-19 ขณะที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊กโพสต์เรื่องราวว่ามีคนในพื้นที่ ต.ช่องด่าน เพิ่งกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง มีไข้สูง ไอ จาม แต่ไม่ยอมกักตัวเอง อีกทั้งยังมีสมาชิกในบ้านไปโรงเรียนตามปกติ และมีผู้ใช้เฟสบุ๊กอีกคน โพสต์ว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ อ.บ่อพลอย ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ลงในเพจ ‘คนเมืองกาญจน์ 2’ ชาวโซเชียลก็ให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมากพร้อมสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดังนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ

ไปถึงพบ นายอิทธิพล กาญจนโรมนต์  ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านหลุมรัง นายอุดร ศรีสุข ครูชำนาญการพิเศษ รร.ชุมชนบ้านหลุมรัง นายอิทธิพัทธ์ รัตนสุวรรณาชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหลุมรัง นายบุญไชย อุดม ผอ.รพ.สต.หลุมรัง รวมทั้งนายพิทักษ์ สระทองรอด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.หลุมรัง และบุคลากรครูผู้ช่วย ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ และลูกจ้างชั่วคราว กว่า 30 คน กำลังช่วยกันล้างทำความสะอาด โรงอาหาร ห้องเรียน และอื่นๆ กันอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งทุกคนต่างสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งถุงมืออย่างรัดกุม
ทั้งนี้ นายอิทธิพล กาญจนโรมนต์ ผอ.รร.ชุมชนบ้านหลุมรัง เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ทางโรงเรียนก็ได้มีมาตรการคือให้ชุมชนและคณะคุณครูมาช่วยกันทำความสะอาดด้วยการฆ่าเชื้อภายในห้องและอาคารเรียนทั้งหมด

ปกติในวันพรุ่งนี้คือวันจันทร์ที่ 9 มี.ค.ทางโรงเรียนจะจัดให้มีการสอบก่อนปิดเทอม แต่ตนได้ตระหนักถึงความสำคัญตรงนี้เพราะเกรงว่าอาจจะมีเชื้อโรคต่างๆ ติดอยู่ตามโรงเรียน ตนจึงได้สั่งการปิดโรงเรียนเป็นระยะเวลา 5 วัน และกำหนดให้เด็กนักเรียนมาสอบในวันที่ 16-17-18 มี.ค.ที่จะถึงนี้

Advertisement

ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครอง ว่าบุตรหลานของท่านที่มาเรียนที่โรงเรียนจะไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นมาตรการการป้องกันของโรงเรียน

อย่างไรก็ตามขอฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้นำชุมชน และผู้ปกครองว่า ทางโรงเรียนจะเริ่มปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 9-13 มี.ค.และจะเปิดการเรียนการสอน ในวันที่ 16-18 ซึ่งเป็นวันที่เด็กๆ ต้องมาสอบ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนได้รับทราบ

ด้าน นายอุดร ศรีสุข ครูชำนาญการพิเศษ รร.ชุมชนบ้านหลุมรัง เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวลือว่าทางโรงเรียนได้ทราบมาว่าผู้ปกครองเด็กนักเรียนได้กลับมาจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และปรากฏว่าเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเราโดยไม่ได้กักตัวเอง

จากกระแสข่าวลือดังกล่าวได้มีเด็กและผู้ปกครองโทรเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนชั้น ม.1 และชั้น ป.3 เพราะผู้ปกครองของเด็กนักเรียนทั้งสองคนได้เดินทางมาที่โรงเรียนด้วย

โดยเด็กส่วนหนึ่งบอกกับครูว่าผู้ปกครองคนดังกล่าวเดินทางมาจากประเทศบาห์เรน ไม่ใช่มาจากประเทศเกาหลี ซึ่งแม้จะเดินทางมาจากประเทศบาห์เรน เราก็รู้สึกกลัวอยู่เช่นกัน แต่เมื่อมารู้ข้อเท็จจริงว่ามาจากประเทศเกาหลีใต้ ทางโรงเรียนจึงได้มีการพูดคุยกันว่าเราจะทำอย่างไรกันดี เพราะอย่างน้อยก็จะได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองคนอื่นรวมทั้งตัวเด็ก

ดังนั้นวันนี้คุณครูและบุคลากรของโรงเรียนและผู้ปกครองที่มีจิตอาสา จึงได้นัดกันมาเช็ดถูล้างเพื่อทำความสะอาดพื้น รวมทั้งห้องเรียน และโรงอาหาร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเด็กและผู้ปกครอง

ส่วน นายอิทธิพัทธ์ รัตนสุวรรณาชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหลุมรัง กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวลือว่ามีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านหลุมรัง เดินทางมาจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ หรือที่เรียกกันว่าผีน้อย ตนในฐานะนายก อบต.หลุมรัง จึงเข้าพบ นายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอบ่อพลอย เพื่อปรึกษาหารือในเรื่องนี้

ซึ่งวันนี้มี นายพิทักษ์ สระทองรอด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 เจ้าของพื้นที่รวมทั้งคุณหมอบุญไชย อุดม ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหลุมรัง ได้เดินทางมาด้วย โดยก่อนหน้านี้เราได้มีการหารือกับ นายวิสิทธิ์ ปิ่นประชานันท์ สาธารณสุขอำเภอบ่อพลอย เกี่ยวกับบุคคลดังกล่าวที่มีข่าวลือว่าอาจจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19

จากนั้นก็ได้ลงพื้นที่ไปพบผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่เดินทางมาจากกรุงโซล โดยพบว่าข้อมูลที่แท้จริงก่อนเดินทางกลับบุคคลดังกล่าวได้ถูกกักตัวเอาไว้ที่กรุงโซล ก่อนขึ้นเครื่องมาแล้ว 14 วันเพื่อความปลอดภัย และบุคคลดังกล่าวได้เดินทางกลับประเทศไทยก่อนที่จะมีข่าวเรื่องผีน้อย

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อประชาชนมีความตื่นตระหนก ทางสาธารณสุขก็ไปให้คำแนะนำ พร้อมกับให้บุคคลดังกล่าวกักตัวเองอยู่กับบ้านเป็นเวลา 14 วัน รวมทั้งสาธารณสุขก็ได้มีการเช็กอาการไข้ของคนรอบข้างเป็นอย่างดี

ดังนั้นจึงไม่อยากให้ผู้ปกครองหรือชาวบ้านที่ได้รับข่าวลือ อย่าได้ตื่นตระหนก เนื่องจากทางภาคส่วนราชการ อาทิ อำเภอ สาธารณสุข และทางโรงเรียนก็ได้มีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด แต่เพื่อความไม่ประมาท วันนี้ทางโรงเรียนจึงได้จัดทำบิ๊กคลีนนิ่ง ขึ้นภายในโรงเรียนเพื่อความสบายใจ และสาธารณสุขก็จะได้ให้ความรู้ในแนวทางป้องกัน การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ทุกคนได้เข้าใจต่อไป

ขณะที่ นายบุญไชย อุดม ผอ.รพ.สต.หลุมรัง กล่าวว่า สำหรับเคสผู้ปกครองที่เดินทางมาจากกรุงโซลรายนี้ ได้ผ่านระบบมาอย่างถูกต้องแล้ว แต่เพียงแค่ขอให้เฝ้าระวังอาการเท่านั้น โดยทางเราจะเฝ้าระวังอาการไปจนถึงวันที่ 16 มี.ค.นี้ หากไม่พบอาการอะไรเรื่องก็จบ

และอยากประชาสัมพันธ์ไปถึงประชาชนว่า ขอให้กินร้อน ช้อนกลาง และขอให้ล้างมือกันบ่อยๆ หากมีข่าวลือก็อย่าตกใจ แต่อย่าประมาทเท่านั้นเอง และหากต้องไปในชุมชนก็ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยไปด้วย อย่างน้อยก็ป้องกันฝุ่นละอองได้

ด้าน นายพิทักษ์ สระทองรอด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวว่า หลังจากมีข่าวลือดังกล่าวออกมา ทางอำเภอก็ได้สั่งการมาให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบข้อจริงทางเสียงตามสายทุกเช้า-เย็น เพื่อให้ชาวบ้านรู้วิธีป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 และเมื่อมีเคสดังกล่าวเกิดขึ้นภายในหมู่บ้านของเรา ทางคณะกรรมการหมู่บ้านจึงได้ร่วมกับทาง อบต.หลุมรัง และ รพ.สต.หลุมรัง ร่วมกับคณะครู จัดทำกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งขึ้นภายในโรงเรียน ในครั้งนี้

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอบ่อพลอย จ.กาญจนบุรีว่า เวลา 12.00 น. ของวันที่ 6 มี.ค.63 สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบ่อพลอยได้รับแจ้งจาก รพ.สต.ช่องด่าน โดยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย และชาวบ้านได้มีการพูดถึงกันในวงกว้างในหมู่บ้าน ว่ามีผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา มาอาศัยอยู่หมู่ 3 ต.ช่องด่าน โดยรายชื่อไม่อยู่ในบัญชีผีน้อย

หลังจากได้รับแจ้ง ทีม SRRT อำเภอบ่อพลอย จึงได้ออกสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่า น.ส.วรรณา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี เดินทางไปใช้แรงงานแบบผิดกฎหมาย (นวดแผนโบราณ) ที่กรุงโซล ได้ประมาณ 3 เดือน และกลับมาถึงภูมิลำเนาเมื่อวันที่ 2 มี.ค.63

จากการสอบถามพบว่าก่อนที่จะได้เดินทางออกจากประเทศเกาหลีใต้นั้น ทางการของเกาหลีใต้ได้มีการกักบริเวณของแรงงานจากประเทศไทยที่กำลังจะเดินทางกลับเป็นเวลา 14 วัน แล้วพบว่า น.ส.วรรณา ไม่ป่วย จึงให้ น.ส.วรรณา ออกจากประเทศเกาหลีใต้ ได้

โดย น.ส.วรรณา กลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ได้รับการตรวจคัดกรองใดๆ ที่สนามบิน จากนั้นเดินทางกลับจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยรถแท็กซี่ และรถตู้สาธารณะสายกรุงเทพ-กาญจนบุรี และเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางจาก อ.เมืองกาญจนบุรี ไปบ้านพักที่ตำบลช่องด่าน อ.บ่อพลอย

บ้านพักอาศัยอายู่ที่บ้านด้วยกัน 5 คน ประกอบด้วย มารดา 1 คน ลูก 1 คน และหลานอีก 2 คน โดยลูกและหลาน จำนวน 2 คนเรียนอยู่ที่โรงเรียนชุมชนบ้านหลุมรัง

สิ่งที่สาธารณะสุขอำเภอบ่อพลอย ได้ดำเนินการคือ 1.ได้มีการพูดคุยให้มีการกักตัวเองในบริเวณบ้านโดยไม่ให้ออกไปไหน เป็นเวลา 14 วัน ถ้าไม่ทำตามอาจพิจารณาลงโทษตามกฎหมาย 2.เจ้าหน้าที่ได้ทำการแจกแมสก์ให้ จำนวน 20 ชิ้นสำหรับผู้มีประวัติเสี่ยงเองคนเดียว เจลล้างมือไว้ที่บ้าน และ 3.เจ้าหน้าที่ได้ให้ปรอทวัดไข้ 1 อัน โดยให้ทำการวัดไข้เองที่บ้านและเจ้าหน้าที่จะโทรติดตามทุกวัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image