เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรับแจ้งมีชาวประมงชายฝั่งอวนปู อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นำเรือประมงขนาดเล็กว่า 30 ลำ ต่อเรียงปิดขวางคลองสะพานหิน (สะพานปลาชะอำ) อ.ชะอำ แสดงเจตนาไม่ต้องการให้เรือประมงอาชีพดำน้ำเก็บหอยจาก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เข้ามาหากิน จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยนายปรเมศร์ อรุณ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดเพชรบุรี โดยมีพ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.ชะอำ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกและควบคุมเหตุ
พบบริเวณดังกล่าวเป็นคลองขุดกว้างประมาณ 100 เมตร จากชายฝั่งออกไปยังทะเลชะอำ เพื่อใช้เป็นช่องทางสัญจรการนำเรือประมง และเรือเพื่อการพาณิชย์เข้าเทียบท่า 2 ฝั่งคลองมีการถมหินเป็นคันกว้าง เพื่อใช้เป็นทางสัญจรรถยนต์ ห่างจากท่าเทียบเรือปนะมาณ 1 กิโลเมตร พบชาวบ้านกว่า 20 คน และเรือประมงชายฝั่งขนาดเล็กกว่า 30 ลำ จอดทอดสมอต่อกันเป็นทางยาวขวางตลอดลำคลอง
นางวันเพ็ญ เงินอยู่ อายุ 50 ปี ชาวบ้านบ้านคลองเทียน อ.ชะอำ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคม มีเรือประมงอาชีพดำน้ำเก็บหอยจาก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เข้ามาทอดสมอดำน้ำลงไปเก็บหอยแครง หอยคราง ที่บริเวณ ร่องน้ำปลายสะพานหิน ซึ่งเป็นร่องน้ำเดียวกับที่ชาวประมงพื้นบ้าน อ.ชะอำ วางอวนดักปู และลอบหอยสังข์เพื่อจับปลาหมึกสาย วิธีการของเรือประมงอาชีพดำน้ำเก็บหอย จะใช้การดำน้ำลงไปที่หน้าดินใต้ทะเลและใช้มือ และคราดตะกุยหน้าดิน ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ดินและเศษซากของเสียที่ตกตะกอนอยู่ใต้น้ำฟุ้งกระจาย ส่งผลให้น้ำทะเลบริเวณดังกล่าวมีกลิ่นเหม็นเน่าเสีย ปู ปลา และปลาหมึกสาย ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ชาวประมงชะอำจับเลี้ยงชีพมานานหนีออกจากร่องน้ำดังกล่าว ทำให้กระทบต่อการประกอบอาชีพของชาว อ.ชะอำ ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนไปยัง ประมงอำเภอชะอำ เทศบาลเมืองชะอำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ยังไม่มีการแก้ไขจึงจำเป็นต้องปิดคลองเพื่อเรียกร้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง
“เดิมก่อนที่เรือดำน้ำหาหอยจะมา เคยเก็บปูได้วันละกว่า 10 กิโลกรัม พอเรือดำน้ำหาหอยมามากขึ้น จำนวนปูก็เริ่มลดลง เพราะอุปกรณ์คราดหาหอยที่เค้าใช้มันคราดหน้าดินฟุ้งไปหมด บางวันเค้าหาหอยแล้วเอามาขึ้นเทียบท่าที่สะพานหินได้น้ำหนักเป็นตันต่อลำ แล้วเรือดำน้ำเก็บมีตั้ง 40-50 ลำ คิดดูใต้น้ำต้องคราดขนาดไหน ดินโคลนเลนกระจายเท่าไหร่ ระยะเวลาเพียง 2 เดือนก็เกิดน้ำเสียเหม็นไปหมด ทีนี้ปู ปลา หมึก กุ้ง ที่ไหนจะอยู่ มันก็หนีน้ำเสียหมด พวกเราก็เดือดร้อน ก่อนหน้านี้เคยพูดคุยทำข้อตกลงแบ่งเขตให้เขาออกไปหาไกลขึ้นอีกหน่อยจะได้ไม่มาทับร่องน้ำกัน แต่ปรากฏว่าเรือประมงอาชีพดำน้ำเก็บหอยจาก อ.บ้านแหลม ไม่ทำตาม และเพิ่มจำนวนเรือเข้ามาหาหอยในพื้นที่ดังกล่าวอีกทำให้น้ำเสียเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้บางวันเก็บปูได้ไม่ถึง 2 กิโลกรัม เราไม่อยากปิดคลอง ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน รู้ว่าภาครัฐกำลังแก้ไข แต่ขั้นตอนมันช้า หากปล่อยไว้แบบนี้นานไปพวกเรามีแต่จะอดตาย เราจึงต้องรวมตัวกันทำแบบนี้”
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
นายปรเมศร์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวสำนักประมงได้จัดประชุมหารือแก้ไขปัญหา จัดประชาคมรับฟังความคิดเห็นกับประชาชนเมื่อวันที่ 9 มีนาคมและได้ข้อสรุปว่า แม้การดำน้ำหาหอยของประมง อ.บ้านแหลม จะไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีการใช้เครื่องมือเครื่องจักรกล แต่เนื่องจากมีผลกระทบต่อประมงท้องถิ่น จึงมีการเสนอขอกันพื้นที่ครอบคลุมห่างจากชายฝั่งออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร ตลอดระยะแนวชายฝั่งยาว 11 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ห้ามไม่ให้มีการดำน้ำหาหอย เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะนี้อยุ่ระหว่างนำข้อสรุปดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดเพชรบุรีพิจารณา เพื่อออกประกาศจังหวัดบังคับใช้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เจรจากับชาวประมงอวนลอบปู อ.ชะอำ และรับจะเร่งนำเรื่องดำเนินการพิจารณาในวันที่ 19 มีนาคม ชาวบ้านจึงพอใจ และเปิดคลองแยกย้ายนำเรือกลับ
