เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีผู้แชร์ข้อมูลในโซเชียล ว่ามีผู้เดินทางจากประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มเสี่ยงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 เข้ามาอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว โดยคลุกคลีกับคนทั่วไป ไม่ยอมกักตัวตามมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและวิตกกังวลแก่ประชาชนในพื้นที่ บางรายไม่กล้าเดินทางออกมาตลาด ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมเป็นต้นมา ต่อมาสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ได้ตรวจสอบข้อมูลพร้อมชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงกรณีผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคที่ ต.ท่าเกษม ผู้เข้าข่ายเป็นหญิงเดินทางกลับจากประเทศเกาหลี เมื่อวันที่ 3 มีนาคมต้องกักตัว 14 วัน ผู้หญิงคนดังกล่าวแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และขอกักตัวเอง 14 วัน ตามมาตรการของราชการ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปดูแลและวัดไข้ทุกวัน ขณะนี้ปกติดี ไม่มีไข้ขณะกักตัว สามีนำอาหารไปส่งและพูดคุยเให้กำลังใจ โดยสวมหน้ากากอนามัยป้องกันตนเอง อยู่ห่างกว่า 2 เมตร ไม่ได้ใกล้ชิดกันตามที่แชร์ในโซเชียลมีเดีย รวมทั้งสาธารณสุขอำเภอเมืองสระแก้ว และนายกเทศมนตรีตำบลท่าเกษม ได้ลงพื้นที่เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ และให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง พร้อมข้อควรระวังแล้ว รวมทั้งลงเยี่ยมบ้านพ่อ-แม่ สามีของหญิงดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา โดยไม่ได้พาตัวไปหมดทั้งบ้านตามที่มีการแชร์ข้อมูล ขณะเดียวกันได้ขอความร่วมมือทางสามี ส่งอาหารที่ด้านหน้าประตูรั้ว และเดินทางกลับ รวมทั้งให้สามีเก็บตัวที่บ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในที่สาธารณะ ชุมชน ตลาด และร้านสะดวกซื้อ ให้พ่อ-แม่ ช่วยดูแลจัดหาอาหารแทน
“หญิงดังกล่าว เป็นเพียงผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยง (แต่ไม่ใช่เมืองเสี่ยงสูง) เป็นคนท่าเกษม เป็นคนสระแก้วบ้านเรา มีความเข้าใจต่อสถานการณ์และยินดีกักตนเองตามมาตรการของทางราชการ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปตรวจสุขภาพวัดไข้ทุกวัน ไม่ได้ป่วย มีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีไข้ “หัวอกเขา หัวอกเรา” สังคมควรเข้าใจ ให้กำลังใจและดูแลไม่ให้เขารู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของชุมชน ซึ่งจะเกิดผลลบมากกว่า ขอความร่วมมืออย่าแชร์ข่าวคลาดเคลื่อน ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง” เจ้าหน้าที่ สสจ.กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะเดียวกัน พบว่าในแวดวงนักธุรกิจของ อ.อรัญประเทศ กำลังวิตกว่ามาตรการคัดกรองการเดินทางข้ามชายแดนมีความเข้มงวดเพียงพอกับสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ เนื่องจากในแต่ละวันมีแรงงานกัมพูชาเดินทางจากเสียมราฐ เข้ามาอรัญประเทศจำนวนมาก แนวชายแดนเป็นพื้นดินราบสามารถเดินเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติได้อย่างสะดวก เป็นจุดอ่อนที่อาจเกิดปัญหา พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเพิ่มมาตรการดูแลให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น ที่สำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการเดินทางกลับบ้านของแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมาก หากไม่มีมาตรการที่เหมาะสมอาจทำให้สถานการณ์โรคระบาดบานปลายมากขึ้น
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
