ชาวอุบลฯประท้วง ผอ.ร.ร.ให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุ-ตัดต้นไม้ในสวนป่าเฉลิมพระเกียรติ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 21 มีนาคม ตัวแทนชมรมผู้ปกครองนักเรียน ศิษย์เก่า โรงเรียนอนุบาลศรีเมืองใหม่ประมาณ 40 คน นำโดยนายสุริยา ศุภษร รองประธานชมรมผู้ปกครองนักเรียนและศิษย์เก่าโรงเรียนอนุบาลศรีเมืองใหม่ และอดีตประธานสภาเทศบาลตำบลศรีเมืองใหม่ เดินทางมารวมตัวประท้วง คัดค้านแสดงสัญลักษณ์ชูป้ายเขียนข้อความว่า หยุดพฤติกรรมเห็นแก่ตัว, โควิดก็น่ากลัว กูยังต้องรวมตัวคัดค้านมึง, หลวงให้มาใช้ประโยชน์ ไม่ใช่มาแสวงหาผลประโยชน์, ที่ของบรรพบุรุษหวงแหนไว้ให้เราชาวศรีเมืองใหม่, ปู่โสมยังเฝ้าทรัพย์ สปอ.เป็นสมบัติของทุกคน สำนึกรักท้องถิ่นมีไหม หรือมีแต่อยากได้ของหลวง ฯลฯ


ต่อมาได้ส่งตัวแทนเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.วิชัย กองชัย สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรศรีเมืองใหม่ เพื่อดำเนินคดีกับนายเกรียงไกร โอษฐิเวช ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลศรีเมืองใหม่ กับพวก กระทำผิดอาญา โดยการนำที่ราชพัสดุเพื่อสร้างโรงเรือนขายปุ๋ยและกระเบื้องของเอกชนคู่สัญญา


จากการสอบสวนนายสุริยา ศุภษร รองประธานชมรมผู้ปกครองนักเรียนและศิษย์เก่าโรงเรียนอนุบาลศรีเมืองใหม่ ให้การว่าเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 นายเกรียงไกร ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขที่ อบ.1087 ต.นาคำ อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ไปให้นายอนุสรณ์ สินทรัพย์แสงสุวรรณ เป็นผู้เช่า เพื่อใช้ทำการค้า ต่อมาได้พบการตัดไม้ประดู่และไม้อื่นๆ ในสวนป่าเฉลิมพระเกียรติ จำนวนหลายร้อยต้น ที่ปลูกเนื่องในวันแม่แห่งชาติได้ถูกตัดออก เพื่อใช้พื้นที่สวนป่าเฉลิมพระเกียรติ เป็นที่ก่อสร้างโรงเรือนเพื่อขายปุ๋ยและกระเบื้อง ของเอกชนผู้เช่าตามสัญญานี้ และได้ก่อสร้างลานคอนกรีตทับสนามตะกร้อ สนามฟุตซอล และสนามวอลเลย์บอลเดิม เพื่อทำเป็นลานขายสินค้าของเอกชน ซึ่งการกระทำของนายเกรียงไกร โอษฐิเวช ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลศรีเมืองใหม่ กับพวก เป็นการกระทำผิดทางอาญาตามมาตรา 147, 157 และ 151 เนื่องจากปรากฏมีความเสียหาย หรือน่าจะเกิดความเสียหายใดๆ แก่ที่ราชพัสดุ ซึ่งเป็นการกระทำโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือมีเจตนาทุจริต หรือกระทำการโดยปราศจากอำนาจนอกเหนืออำนาจหน้าที่ปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับประโยชน์

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุ และได้พูดคุยกับธนารักษ์พื้นที่อุบลราชธานี ว่าสามารถหารายได้ได้โดยให้มีการเช่าพื้นที่จากพื้นที่ที่ดูแลซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ ทางโรงเรียนจึงได้ทำสัญญากับเอกชนเพื่อให้เช่าพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ในสัญญาไม่มีให้ก่อสร้าง ให้ทำเฉพาะลานการค้า บังเอิญว่าคู่สัญญาได้ดำเนินการโดยที่ไม่แจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ เพราะในสัญญาก็ชัดเจนว่าไม่ให้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้นที่เป็นอาคารที่ถาวร ซึ่งจากกรณีที่เอกชนคู่สัญญาไปสร้างโรงเรือนเก็บปุ๋ยเป็นการทำนอกสัญญาที่ไม่มีการแจ้ง โดยไปติดต่อกับทางเทศบาลแล้วดำเนินการไปทำการตัดต้นไม้ในพื้นที่โครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติที่ปลูกเนื่องในวันแม่แห่งชาติ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image