บรรยากาศชายแดนไทย-มาเลเซียสงขลา เงียบเหงา ใช้มาตรการปิดการเดินทางเข้าออกด่านพรมแดนไทยมาเลเซีย 3 แห่งวันแรก ห้ามคนไทยและชาวต่างชาติผ่านเข้าออก ยกเว้นด่านพรมแดนสะเดา ที่ยังอนุญาตให้รถขนส่งสินค้าผ่านได้ วันที่ 24 มี.ค. ควบคุมสถานที่ให้บริการทั้งร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าและตลาดด้วย
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม รายงานข่าวว่าบรรยากาศตามแนวพรมแดนไทยมาเลเซียที่ จ.สงขลาเป็นไปอย่างเงียบเหงาเนื่องจากทาง จ.สงขลาได้ใช้มาตรการปิดด่านพรมแดนพรมแดนไทย-มาเลเซียทั้ง 3 แห่ง ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ด่านพรมแดนบ้านประกอบอ.นาทวี และด่านพรมแดนสะเดา จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อป้องกันการระบาดโรคโควิด19
คนไทยห้ามออกคนนอกห้ามเข้าแล้วเป็นวันแรก ห้ามไม่ให้คนไทยหรือชาวต่างชาติเดินทางเข้าออกผ่านด่านพรมแดนทั้งสามแห่ง ยานพาหนะและสิ่งของ
“ด่านสะเดาเพียด่านเดียวที่เปิดให้ยานพาหนะขนส่งสินค้าและคนประจำรถคันละ1 คน ซึ่งต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคโควิด19 จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ณ จุดด่านแดนถาวรด่านสะเดา”
ส่งผลให้บรรยากาศตามแนวชายแดนไทยมาเลเซียเงียบเหงาอย่างหนัก โดยเฉพาะที่ด่านพรมแดนสะเดา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวแทบกลายเป็นเมืองร้าง และจากมาตรการปิดด่านทำให้มีคนไทยที่ตกค้างอยู่ในประเทศมาเลเซียและลงทะเบียนต้องการเดินทางกลับประเทศไว้ประมาณ 4,000 คน
นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการ จ.สงขลากล่าวว่า ในวันที่ 24 มี.ค.จ.สงขลา ก็จะเริ่มใช้มาตรการปิดสถานที่ควบคุมการให้บริการร้านค้าร้านอาหารห้างสรรพสินค้าและตลาดไปจนถึงวันที่ 6 เม.ย.63
รายงานข่าวว่าสถานการณ์โรคโควิดที่จ.สงขลา มีผู้ป่วยแล้ว5 คน ผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรค181คน และรอผลยืนยันอีก13คน