“ส.จันทร์เสี้ยวฯ” ร่อนหนังสือถึงผู้นำศาสนา 5 จว.ชายแดนใต้ สร้างความเข้าใจประชาชน ลดผู้ติดเชื้อ

สมาคมจันทร์เสี้ยวฯ ร่อนเอกสารถึงผู้นำศาสนา 5 จังหวัดชายแดนใต้ ผนึกกำลังสร้างความเข้าใจโควิด-19 ในพื้นที่ ลดผู้ติดเชื้อ- ป้องกันระบบสาธารณสุขพังทลาย วอน ประชาชนงดรวมตัว และเฝ้าระวังสำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ “เผย”มีคนติดเชื้อ 5 จังหวัด 70 ราย

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 สมาคมจันทร์เสี้ยวการแพทย์และสาธารณสุขและกลุ่มนักสาธารณสุขเพื่อสังคม จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปพบและยื่นหนังสือ นำเสนอข้อมูลทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่ผู้นำศาสนา นายดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ปัตตานี ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ปัตตานี

รายงานข่าวว่าเอกสารเปิดผนึกว่าด้วยข้อมูลทางการแพทย์ ระบุจุฬาราชมนตรี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ประธานสภาอูลามะฟาฏอนีดารุสาลาม อามีรญะมาอะฮ์ตับลีฆแห่งประเทศไทย ผู้นำศาสนาอิสลาม และประชาชนมุสลิม ว่าด้วยเรื่องข้อมูลทางการแพทย์และสาธารณสุขเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับสภาวะฉุกเฉินโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งเป็นผลให้มีผู้ติดเชื้อรวม 827 ราย (ขอมูล ณ วันที่ 24 มีนาคม 2563) เสียชีวิต 4 ราย

“พื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลาและ จ.สตูล เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในวงกว้าง มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน 70 ราย มีผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในห้อง ICU 2 ราย และยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยเกือบทั้งหมดของผู้ติดเชื้อในพื้นที่เป็นผู้ที่ได้รับเชื้อจากการเดินทางร่วมงานชุมนุมโยร์ ที่ประเทศมาเลเซียและกลุ่มที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อกลุ่มแรก”

Advertisement

หนังสือระบุขอความร่วมมือจากผู้นำศาสนาและพี่น้องมุสลิมทุกภาค ช่วยชี้แจงทำความเข้าใจกับสมาชิกในชุมชนและสังคม ถึงความสำคัญของการเว้นระยะห่างในสังคม หมายถึงการเว้นระยะห่างที่เกิดจากจริยวัตร เป็นข้อส่งเสริมและบังคับทางศาสนาในภาวะปกติ เช่น การรวมตัวละหมาดญามาอะที่มัสยิด และอาจจะรวมถึงการงดเว้นการรวมตัวกันเพื่อละหมาดวันศุกร์ ในช่วงที่มีการระบาดของโรคระบาดในพื้นที่ ซึ่งเป็นฉันทมติจากผู้รู้ทางศาสนาประเทศมุสลิมทั่วโลก ในการผ่อนผันให้ประชาชนละหมาดที่บ้านได้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในหมู่ประชาชน

รายงานข่าวว่าในเอกสารวรรคสุดท้ายได้ระบุ การแก้ปัญหาว่า เป็นการช่วงชิงเวลาทองคำที่จะช่วยลดความรุนแรงของโรคระบาด ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ขอให้ผู้นำศาสนาสร้างความเข้าใจต่อประชาชน ให้หลีกเลี่ยงการรวมตัวในที่สาธารณะทุกกรณี เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต และผ่อนภาระที่จะเกิดขึ้นในระบบสาธารณสุขในพื้นที่ไม่ให้พังทลาย เพราะต้องรับมือกับผู้ป่วยโรคระบาดเป็นจำนวนมากในคราวเดียวกัน หากมาตรการนี้ถูกใช้ช้าลงเพียงแค่ 1 วัน ในช่วงเวลาทองนี้ สถานการณ์โรคระบาดในภายภาคหน้าอาจจะสาหัสเกินกำลังที่ระบบสาธารณสุขจะรับได้ และจะนำมาซึ่งความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของพื้นที่

ผู้แทนสมาคมจันทร์เสี้ยวการแพทย์ กล่าวว่า โรคโควิด-19 สามารถนิยามเป็นไข้หวัด เหมือนไข้หวัดทั่วไปได้ สำหรับคนที่มีอายุน้อย แต่สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีประวัติมีโรคประจำตัว เมื่อได้รับเชื้อก็จะมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากกว่า เช่น เป็นปอดบวม ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และถึงขั้นเข้าห้องไอซียู ซึ่งจะเพิ่มภาระให้แพทย์

“หากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจไม่สามารถรับมือได้จะนำมาซึ่งวิกฤตอีกหลายประการ จึงขอความร่วมมือพี่น้องทุกท่านในการทำ 2 อย่าง คือ การไม่แพร่เชื้อด้วยการไม่ชุมนุม และป้องกันไม่ให้คนในบ้านติดเชื้อ สำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศที่เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้เฝ้าระวังตัวเองในการที่จะเป็นพาหะนำเชื้อสู่สมาชิกในครอบครัวคนอื่น”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image