เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุไฟป่าลามเข้าไปลุกไหม้พื้นที่เกษตรของชาวบ้าน ในเขตหมู่บ้านร่มฟ้าไทย หมู่ 24 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง ใกล้กับภูชี้ฟ้า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงราย หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่จากสถานีควบคุมไฟป่าภูชี้ฟ้าและหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว นำราษฎรจิตอาสาเข้าไปดับไฟในจุดที่เข้าถึง พร้อมทำแนวกันไฟควบคุมโซนที่เข้าไปดับไฟลำบาก เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามขยายพื้นที่
จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า และพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน รวมแล้วกว่า 1,000 ไร่ ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหาย ส่วนสาเหตุของการเกิดไฟป่าจะได้สืบสวนสอบสวนและหาผู้กระทำผิดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ยังมีไฟไหม้ป่าละเมาะ บริเวณด้านหน้าสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ตั้งอยู่บนถนนสายเชียงราย-เทิง ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยเปลวเพลิงได้โหมลุกไหม้ป่าละเมาะที่เป็นหญ้าและต้นไม้เล็กที่แห้งเพราะไม่มีฝนตกติดต่อกันมาหลายเดือนเป็นทางไกล และค่อยๆ ลุกลามใหญ่โตเป็นวงกว้าง ก่อนจะลุกไหม้ข้างรั้วและเกือบเข้าสู่อาคารริมรั้วของสำนักงาน หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข พร้อมด้วยรถดับเพลิงของเทศบาล ต.ท่าสาย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.เชียงราย ทหาร ฯลฯ ระดมกำลังฉีดพ่นน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามเข้าไปภายใน เนื่องจากอากาศแห้งและมีเชื้อไฟมาก ทำให้ต้องใช้เวลานานนับชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ท่ามกลางความตื่นตกใจของเจ้าหน้าที่ภายในสำนักงาน
ทั้งนี้ ในห้วงระยะเวลา 2-3 วันที่ผ่านมา เริ่มเกิดไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงราย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งทำให้นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพิ่มรางวัลนำจับกรณีมีผู้ลักลอบเผาป่าดอยจระเข้ อ.แม่จัน เหตุเกิดวันที่ 24-25 มี.ค.ที่ผ่านมา จากเดิมจังหวัดตั้งเงินรางวัลนำจับจำนวน 5,000 บาท ทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้นำเงินส่วนตัวเพิ่มเติมให้อีก 10,000 บาท รวมเป็น 15,000 บาทด้วย แต่ก็ยังพบการเผาไหม้ในอีกหลายจุด ส่งผลทำให้กรมควบคุมมลพิษตรวจวัดค่าฝุนละอองขนาดเล็กในอากาศต่ำกว่า 2.5 ไมคอน มีค่าพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง โดยที่ อ.เมืองเชียงราย วัดได้ 112 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ชายแดน อ.แม่สาย วัดได้ 223 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นค่าที่เกินมาตรฐานมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
