เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 13 เมษายน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค (ผบช.ภ.)2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร(ผบก.ภ.) จังหวัดระยอง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานระยอง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกรับ คุมตัวนายกิตติพงศ์หรือโย สร้อยเสือ อายุ 30 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุใช้ถังแก๊สปิกนิกเผาตู้เอทีเอ็ม(สีเขียว) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) ริมรั้วหน้าสหกรณ์เขาพนมศาสตร์ ถนนสายบ้านศาลาน้ำลึก หมู่ 9 ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย แต่ไม่สามารถเจาะตู้เอทีเอ็มได้ เนื่องจากมีชาวบ้านขับรถผ่านมา จึงได้ทิ้งถังแก๊สแล้วหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00น.วันที่ 12 เมษายน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมผู้ใหญ่บ้านสามารถติดตามจับกุมได้ ที่บ้านเช่าเมื่อกลางดึกเวลา 02.00น.วันที่ 13 เมษายน
นายกิตติพงศ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุนั่งกินเหล้าขาวคนเดียวในห้องแถวเช่า เหล้าหมด จึงขี่รถจักรยานยนต์ไปหาซื้อเหล้า แต่ร้านขายเหล้าปิดหมด ด้วยความโมโหจึงกลับไปบ้านเอาถังแก๊สมาเผาตู้เอทีเอ็มเผาอยู่นานตู้เอทีเอ็มก็ไม่ระเบิด จึงขี่รถจักรยานยนต์กลับห้องแถวเช่าแต่ลืมถังแก๊สทิ้งไว้จนถูกนายนเรศ แสงอรุณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 พร้อมตำรวจตามเข้าไปดูห้องครัวที่บ้านไม่พบถังแก๊ส มีแต่กระทะวางที่พื้น จึงคุมตัวมาสอบถามและให้การรับสารภาพ ที่ใช้ถังแก๊สเผาตู้เอทีเอ็มไม่ต้องการเงิน แต่เผาด้วยความโมโหเท่านั้น ประวัตินายกิตติพงศ์ อาชีพคนงานก่อสร้างรายวัน ผู้ต้องหาเคยติดยาเสพติดมาก่อน คนในหมู่บ้านรู้จักดี และ เคยก่อเหตุเผารถยนต์ของชาวบ้านด้วยความเมามาแล้ว
ด้านนายนเรศ แสงอรุณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายออกตรวจผู้ที่กระทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกนอกบ้านเวลา 22.00น.- 04.00น. ช่วงเวลาเคอร์ฟิวส์ ออกตรวจบริเวณจุดเกิดเหตุก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ต่อมาได้รับแจ้งจากพลเมืองดีพบชายต้องสงสัยที่ตู้เอทีเอ็ม จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบถังแก๊สปิกนิควางอยู่หลังตู้เอทีเอ็ม มีรอยเผาไหม้ จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบชายต้องสงสัย ขี่รถจักรยานยนต์มาที่ตู้เอทีเอ็ม จึงไปหานายกิตติพงศ์ ที่ห้องแถวเช่า เข้าไปดูหลังบ้านเห็นกระทะวางที่พื้น สอบถามว่าถังแก๊สหายไปใน นายกิตติพงศ์จึงยอมรับสารภาพ