โคราช สงขลา เชียงใหม่ ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มต่อเนื่อง ย้ำเว้นระยะห่าง เพื่อความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และแพทย์หญิงศุภมาส ลิ่วศิริรัตน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการป้องกัน รวมทั้งการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ยังมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 คงที่อยู่ที่ 18 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มติดต่อกันเป็นวันที่ 10 แล้ว โดย 9 ราย หายป่วยแต่ต้องกักตัวต่ออีก 14 วัน ที่โรงแรมปัญจดารา 5 ราย และกักตัวที่บ้าน 4 ราย ส่วนอีก 9 ราย ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาราช 5 ราย, รพ.มทส. 2 ราย และ รพ.โชคชัย 2 ราย ส่วนยอดสะสมการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์-17 เมษายน 2563 มีทั้งหมด 38,596 ราย โดยกักตัวเฝ้าระวังครบ 14 วัน มีจำนวน 29,613 ราย และอยู่ระหว่างเฝ้าระวังอีก 8,983 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นๆ มากสุด 20,295 ราย รองลงมาคือเดินทางมาจากรุงเทพฯและปริมณฑล 17,286 ราย และกลับจากต่างประเทศ 1,015 ราย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการของกระทรวงต่างๆ เป็นจำนวนมาก นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จึงมีคำสั่งด่วนที่สุด นม.0017.2/ว 2905 ลงวันที่ 17 เมษายน 2563 ไปถึงหัวหน้าส่วนราชการ และนายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ ให้ดำเนินมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเคร่งครัด โดยให้ข้าราชการที่ย้ายมาปฏิบัติราชการในจังหวัดนครราชสีมา โดยเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดนครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสงคราม รวมทั้งจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่, ภูเก็ต, ชลบุรี, ยะลา, ปัตตานี และจังหวัดสงขลา ได้เฝ้าติดตามสังเกตอาการมาตรการ Home Quarantine 13 ข้อ ด้วยการเข้ารับการคัดกรอง แยกกัก และคุมไว้สังเกตเป็นระยะเวลา 14 วัน พร้อมกับแจ้งข้อมูลให้อำเภอทราบเพื่อบันทึกลงระบบ Thai QM ด้วย
ขณะที่ ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีมีการตั้งโรงทานไปตามที่ต่างๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก แต่นับจากนี้ไปอยากให้แจ้งเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบและมีมาตรฐานในการเว้นระยะห่าง ความสะอาด เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัส Covid-19
“ส่วนกรณีการขยายเวลาการห้ามจำหน่ายสุราจากเดิม 10-20 เมษายน 2563 เพิ่มเป็น 10-30 เมษายน 2563 ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมายังประชาชน เพราะมีความจำเป็นจริงๆ เนื่องจากปัจจุบันยังพบการละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยการออกนอกเคหสถานอยู่ทั้งที่มีคำสั่งห้าม จึงต้องคุมเข้มไปอีกระยะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน” นายรัฐพลกล่าว
ทางด้าน พญ.ลดาวรรณ หาญไพโรจน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครพิงค์ แถลงสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุดว่า ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มเติม 9 วันติดต่อกันแล้ว ทำให้เชียงใหม่มียอดผู้ป่วยสะสมคงเดิม จำนวน 40 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านไปแล้ว 24 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 15 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง 1,084 ราย กลับบ้านแล้ว 975 ราย คงเหลือรักษาตัว 109 ราย
“อยากให้คงมาตรการ Social Distancing ต่อไป เพื่อรักษาระยะปลอดภัย ห่างไว้ อุ่นใจกว่า ลดการแพร่ระบาด โดยย้ำว่าขอให้อยู่บ้าน ไม่ไปในสถานที่ที่มีคนไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ใช้ของร่วมกัน อยู่ห่างกัน 2 เมตรขึ้นไป เพื่อความปลอดภัยของตนเอง” พญ.ลดาวรรณกล่าว
ส่วนที่ ศูนย์ป้องกันโรคติดต่อ จ.สงขลา ที่ประชุมคณะกรรมการฯ สำนักงานสาธารณสุขรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 จ.สงขลา ไม่พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มเป็นวันที่ 14 คือยอดผู้ป่วยสะสม 56 ราย ผู้ป่วยทั่วไป 37 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 26 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 11 ราย ส่วนผู้ป่วยกลุ่มดะวะห์จากอินโดนีเซีย 19 ราย ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลทั้งหมด และ 3 รายไม่พบเชื้อ ยังกักตัวอยู่ที่พรุค้างคาว อ.หาดใหญ่
รายงานข่าวว่า ที่ประชุมยังได้พูดถึงแรงงานคนไทยจากประเทศมาเลเซียที่จะเดินทางเข้ามาด่านพรมแดนสะเดา วันที่ 18 เมษายน ประมาณ 100 คน ได้มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบไว้พร้อมทุกด้านแล้ว ที่สำคัญคือขั้นตอนของการตรวจคัดกรองโรคเคร่งครัด หากพบอาการกลุ่มเสี่ยงโควิดจะนำตัวสู่ขบวนการรักษา ณ ห้องแยกเชื้อของโรงพยาบาลปาดังฯและสะเดา และสถานที่กักตัวใน จ.สงขลา ทั้ง 16 อำเภอ จัดสถานที่รองรับไว้พร้อมแล้ว
นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา เปิดเผยว่า แรงงานไทยที่กลับจากมาเลเซีย มีการกรองประวัติเสร็จให้อำเภอแต่ละอำเภอรับตัวไป ส่วนคนที่อยู่ต่างภูมิภาคจะใช้โรงแรมสาธิตแกรนด์วิวและโรงแรม M SOHO มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ส่วนผู้ที่มีภูมิลำเนาใน จ.ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และ จ.สตูล กักตัวยังภูมิลำเนาเดิมทันที โดยมีการจัดรถนำส่งภายใต้การควบคุมดูแลเจ้าหน้าที่