ผอ.รพ.เพชรบูรณ์โอด โควิดทำรายได้วูบ-ผู้ป่วยโรคไตหาย30% ขอไฟเขียวผ่าตัดเคสไม่เสี่ยง

ผอ.รพ.เพชรบูรณ์โอด โควิด-19ทำให้รายได้วูบ-ผู้ป่วยโรคไตหาย 30% ขอไฟเขียวผ่าตัดเคสไม่เสี่ยง

วันที่ 22 เมษายน แพทย์หญิงฤทัย วรรธนวินิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ กล่าวชี้แจงขณะร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นประธาน เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาว่า หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้ป่วยไตของโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ลดลงราว 30 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อสอบถามแพทย์ที่ดูแลทำให้ทราบว่า หลังจากทางโรงพยาบาลรับผู้ป่วยโควิดเคสแรกก็ต้อง CPR ช่วยชีวิต ทำให้เกิดอาการตื่นกลัวไม่มีใครกล้าเข้าโรงพยาบาล ขณะเดียวกันบุคลากรของโรงพยาบาลหากอยู่ในชุดทำงานไปที่อื่นก็ยังถูกรังเกียจทำให้คนไข้ไม่กลับเข้ามาในโรงพยาบาล ประกอบกับรายได้โรงพยาบาลที่เกิดจากการดูแลคนไข้ลดน้อยลง หรือไม่มีเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องขออนุญาตทางคณะกรรมการฯเพื่อจะทำผ่าตัดในเคสที่ไม่เสี่ยง โดยใช้หลักการ Social Distancing พร้อมกำหนดเคสแต่ละวัน

“ได้สอบถามแล้วว่าทรัพยากรในการผ่าตัดมีพอหรือไม่ ก็ได้รับแจ้งว่าหากไม่ใช้หน้ากาก N95 กับชุดป้องกันเชื้อ PPE สามารถทำได้ จึงพูดคุยกันว่าเลือกเคสจากประวัติแล้วไม่มีความเสี่ยงมาทำผ่าตัด และให้ตามผู้ป่วยเคสล้างไตที่ลดลงไป 30เปอร์เซ็นต์ ให้กลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี่ผู้ป่วยอาจจะเกิดความกลัวก็ต้องชี้แจงทำความเข้าใจ และสถานการณ์ขณะนี้ที่โรงพยาบาลก็ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์กล่าว

แพทย์หญิงฤทัยกล่าวว่า ก่อนหน้านี่ที่ตัดสินใจลดทุกเคสเพราะไม่มีทรัพยากรไปดูแลผู้ป่วย เพราะต้องระดมหรือถาโถมทรัพยากรทุกอย่างเพื่อเข้าไปดูแลคนไข้ติดเชื้อโควิดและPUI แต่สถานการณ์ตอนนี้จัดระบบได้และไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อโรงพยาบาลแล้ว จึงจะขอบริการคนไข้โดยซักประวัติให้ชัดเจนและใช้หลักการ Social Distancing พร้อมกำหนดเคสให้ชัดเจน อย่างน้อยก็ทำให้เกิดรายได้ขึ้นบ้าง ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าตั่งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน โรงพยาบาลจะเอาเงินที่ไหนมาใช้เพราะเงินจะมาตามหัวประชากรและการดูแลรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น

“ตอนนี้ผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลหากไม่เป็นเคสหนักๆก็เป็นเคสปางตายเพราะกลัวโควิด ฉะนั้นเวลานี้ทางโรงพยาบาลฯจำเป็นต้องปรับวิธีการสื่อสารกับผู้ป่วยว่าให้มาได้ อย่ารอให้หนักหนาสาหัสเพราะจะไม่คุ้ม แต่ไม่ใช่เปิดฟรีอิสระเพราะทุกคนอยู่บ้านดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว แต่เคสไหนจะไม่ไหวแล้วรีบมา เพราะขณะนี้เคสที่ส่งมาจากโรงพยาบาลชุมชน ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงน้องๆก็จะไม่ส่งมาซึ่งผู้ป่วยก็ไม่อยากมาและไม่ต้องการเสี่ยง ฉะนั้นเมื่อมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นจึงต้องปรับวิธีการสื่อสารใหม่ เพื่อให้มาโรงพยาบาลสมเหตุสมผล”แพทย์หญิงฤทัยกล่าว ในขณะที่นายสืบศักดิ์กล่าวย้ำในที่ประชุมโดยแสดงความห่วงใยผู้ป่วยโรคไต พร้อมขอให้โรงพยาบาลฯเร่งไปดูว่าผู้ป่วยหายไปไหนและหายไปได้อย่างไร

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image