แพทย์โรงพยาบาลสะเดาได้ทำการส่งตัวหญิงตั้งครรภ์ชาวเมียนมาไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์แล้ว หลังติดโควิด-19 แม้จะมีอาการปกติ แต่ลดความเสี่ยงทั้งแม่และลูก ในขณะที่การสอบสวนโรคยังดำเนินการต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 27 เมษายน ภายหลังแรงงานข้ามชาติที่ถูกกักตัวรอคดีสิ้นสุดอยู่ภายในศูนย์กักตัว ผู้ต้องกัก ตรวจคนเข้าเมืองสงขลา อำเภอสะเดา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 42 คน ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้ระดมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เข้าทำการดูแลอาการ ซึ่งเบื้องต้นนั้นพบว่าผู้ป่วยทั้งหมดนั้นแข็งแรงดี ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ โดยมีหญิงสาววัย 24 ปี ชาวเมียนมาที่ตั้งครรภ์ 6-7 เดือน ติดเชื้อด้วยนั้น ทางทีมแพทย์ได้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง เห็นตรงกันให้ย้ายไปติดตามอาการและดูแลรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากปกติหญิงตั้งครรภ์นั้น มีภูมิต้านทานต่ำกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ยิ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงอาจทำให้เกิดความเสี่ยงทั้งแม่และลูก จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยรายนี้ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ในช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยทั้งแม่และลูก ในส่วนผู้ป่วยรายอื่นๆ นั้นในขณะนี้อาการยังอยู่ในระดับปกติ แต่ยังอยู่ระหว่างการประเมินอาการร่วมกันของทีมแพทย์ซึ่งจะสรุปร่วมกันอีกครั้งในเย็นวันนี้
นพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ในส่วนของผู้ป่วยกลุ่มนี้นั้นได้ตั้งหน่วยดูและรักษาขึ้นภายในศูนย์กักฯ ยังไม่เรียกโรงพยาบาลสนาม เพราะโรงพยาบาลสนามนั้นผู้ป่วยอื่นๆ ต้องสามารถเข้ารับการรักษาได้ด้วย โดยในส่วนผู้ป่วยทั้ง 42 คน อาการทั่วไปยังปกติ ส่วนชาวต่างด้าวกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ในการควบคุมของศูนย์กักฯนั้นได้มีการแยกเป็นสัดส่วน ทำให้ไม่มีความเสี่ยงจึงยังไม่จำเป็นต้องตรวจสารคัดหลั่งหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ได้มีการเฝ้าระวังติดตามอาการ
ในส่วนของการสอบสวนโรคนั้น ทางสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา ได้ร่วมกับหลายหน่วยงานดำเนินการตามหลักวิชาการ ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ โดยยังไม่สามารถสรุปได้และต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
