เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 4 พฤษภาคม 2563 ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานคร และพื้นที่ภาคตะวันออก หลังจากกลับมาเยี่ยมภูมิลำเนาช่วงหยุดยาว 4 วัน ตั้งแต่วันแรงงาน วันเสาร์-อาทิตย์ และวันฉัตรมงคล ส่งผลสภาพการจราจรบนถนนสายหลักในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีรถหนาแน่นหลายจุด โดยเฉพาะบนถนนมิตรภาพ ช่วง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีรถวิ่งมาจากฝั่ง จ.ขอนแก่น มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร สะสมหนาแน่น และเกิดการชะลอตัวเป็นระยะๆ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่จำนวนมากออกมาวิ่งด้วยเพื่อไปส่งสินค้า ประเภทรถบรรทุกปูน รถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง และรถบรรทุกสินค้าอุปโภคบริโภค ให้ทันก่อนช่วงประกาศเคอร์ฟิว เวลา 22.00 น. เมื่อรวมกับรถยนต์ของประชาชนที่เดินทางกลับจากภูมิลำเนาเพื่อเข้ากรุงเทพฯ ทำให้รถยนต์สะสมบนถนนมิตรภาพมากกว่าทุกวัน
ขณะเดียวกันตำรวจทางหลวงนครราชสีมาได้รับรายงานอุบัติเหตุหลายจุด โดยเฉพาะที่บริเวณถนนบายพาส ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เกิดอุบัติเหตุรถพ่วงบรรทุกปูนเสียหลักลงข้างทาง ส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัดยาวกว่า 3 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครราชสีมาต้องประสานนำรถลากมาลากหัวรถและพ่วงท้ายขึ้นมา ใช้เวลานานกว่า 20 นาที แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องหยุดเพื่อเปิดการจราจรไปก่อนเพื่อป้องกันการจราจรติดขัดนาน ก่อนจะพยายามนำรถลากอีกครั้ง คาดว่าอาจใช้เวลาลากรถไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง
นอกจากนี้ พบภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาถนนบายพาสนครราชสีมา มีรถยนต์ของประชาชนที่กำลังเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร แวะมาพักดื่มกาแฟ เติมน้ำมัน กันอย่างคึกคัก
นายขรรค์ชัย พันสนิท อายุ 45 ปี ชาว จ.อุดรธานี กล่าวว่า ตนเดินทางจากกรุงเทพฯกลับภูมิลำเนาไปที่ จ.อุดรธานี ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนแล้ว เพราะผู้ประกอบการหลายแห่งปิดกิจการชั่วคราวจากผลกระทบไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่มีงานทำจึงกลับบ้านเกิด โดยได้กักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ก่อนไปอยู่กับครอบครัวแต่ไม่มีรายได้ แต่หลังจากรัฐบาลประกาศปลดล็อกมาตรการหลายอย่างทำให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้ง ตนจึงถือโอกาสเดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อไปสมัครงานหารายได้เลี้ยงครอบครัว ยอมรับว่าช่วงนี้ชีวิตลำบากกว่าปกติ ถ้าไม่ได้ทำงานหาเงินจะยิ่งลำบากกว่านี้
