ยังไม่จบ คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองต้องตรวจหาเชื้อเชิงรุกอีก 40 แม้จะถูกกักตัวอยู่คนละอาคาร แรงงานต่างด้าวติดเชื้อ 2 กลุ่ม รวม 60 ราย ในขณะที่ธารน้ำใจจากภาคเอกชนยังหลั่งไหลเข้าสนับสนุนแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม หลังพบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในศูนย์กักตัวผู้ต้องกักตรวจคนเข้าเมืองสงขลา อำเภอสะเดา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวม 2 กลุ่ม รวม 60 ราย กลุ่มแรก 42 ราย และกลุ่มที่ 2 18 ราย ล่าสุดนั้น ทีมแพทย์โรงพยาบาลสะเดา นำโดย นพ.สุวัฒน์ วิริยะพงษ์สุกิจ รักษาการ ผอ.รพ.สะเดา ได้ระดมเข้าทำการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งของกลุ่มคนต่างด้าว 40 คน ที่ถูกกักตัวอยู่อาคารด้านหลัง ภายในศูนย์กักฯ แม้จะตั้งอยู่ห่างกันจากอาคารหลังแรก ที่มีผู้ติดเชื้อ รวมถึงใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลคนละชุดกัน แต่ได้มีการหารือร่วมกันหลายฝ่ายเห็นว่าควรจะมีการตรวจหาเชื้อเชิงรุก เช่นเดียวกับ กลุ่มแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ติดเชื้อในกลุ่มที่ 2 โดยเบื้องต้นนั้นคาดว่าจะทราบผลในวันพรุ่งนี้
ส่วนอาการของผู้ติดเชื้อ 2 กลุ่มทั้ง 60 ราย นั้นเบื้องต้นพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ รอเพียงให้ครบ 14 วัน ทั้งหมดก็จะหายเป็นปกติ และสามารถเข้าสู่กระบวนการผลักดันกลับประเทศหลังคดีสิ้นสุด
สำหรับศูนย์กักตัวผู้ต้องกักฯแห่งนี้ มี 2 อาคาร ควบคุมตัวคนต่างด้าวรวม 115 ราย ตรวจแล้ว 75 ราย ติดเชื้อ 60 ราย รอผลตรวจ 40 ราย
เวลา 10.00 น.วันเดียวกัน ตัวแทนจากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยทักษิณ นำโดย พ.ต.ท.ถาวร ผลกล้า รองนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยทักษิณ ร่วมกันนำอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับใช้ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา อาทิ ชุด PPE เครื่องวัดอุณหภูมิ เจล รวมถึงน้ำดื่ม
พ.ต.ท.ถาวรกล่าวว่า ทางสมาคมฯเล็งเห็นว่าแล้วว่า พื้นที่อำเภอสะเดานั้น แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานอย่างหนักและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะนอกจากจะมีผู้ติดเชื้อกลุ่มแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองรวม 60 คน ยังต้องทำหน้าที่ในการคัดกรอง คนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันตั้งแต่ 18 เมษายนเป็นต้นมา จึงได้ระดมทุนร่วมกันจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น นำมาบริจาค เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเนื่องจากในแต่ละวันจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์เหล่านี้จำนวนมาก ทั้งนี้พบว่าธารน้ำใจจากประชาชนกลุ่มองค์กรต่างๆ ยังมีเข้ามายังโรงพยาบาลต่างๆ อย่างไม่ขาดสาย
