“หมอสุภัทร” จวกรัฐไร้ธรรมาภิบาล ผุด “นิคมฯจะนะ – กำแพงกันคลื่นหาดสิงหนคร”
นิคมฯ จะนะ- เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) จะนะ จ.สงขลา และรองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีรัฐบาลมีโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่ อ.จะนะ จ.สงขลา
ทั้งนี้ข้อความระบุว่า
“จะนะ กับ หาดม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา ประสบชะตากรรมเดียวกัน เพราะรัฐไร้ธรรมาภิบาล
หาดม่วงงามเป็นหนึ่งในชายหาดตรงยาวใหญ่สมบูรณ์ที่สวยงามที่สุดของคาบสมุทรสทิงพระ วันดีคืนดี กรมเจ้าท่าก็มาสร้างกำแพงกันคลื่น อ้างว่าได้ทำการรับฟังความเห็นมาเรียบร้อยไม่มีใครค้าน กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ใครจะไปกล้าค้านนโยบายของรัฐเพราะเงินเดือนที่รัฐจ่ายให้ทุกเดือนนั้นมีความหมาย กว่าประชาชนส่วนใหญ่จะรู้เรื่อง ก็เมื่อรถจักรกลหนักลงมาขุดหาด เอาคอนกรีตมาเท ทำลายผืนทรายไปมาพอควรแล้ว
ชาวบ้านออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย แต่โครงการก็ยังไม่รู้ไม่ชี้เดินหน้าต่อไป กะจะอึดสร้างให้เสร็จ ต้องใช้งบให้หมด หยุดกลางคันไม่ได้ เพราะข้อตกลงหลายอย่างสัญญาหลายประการทั้งลับและเปิดเผยได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว หาดพังไม่ว่า ขอให้ข้าได้ทำโครงการจนแล้วเสร็จ
วันนี้หาดม่วงงามยังสวยงาม การกัดเซาะมีน้อยมาก หยุดสร้างกำแพงกันคลื่น เอาเงินงบประมาณนั้นไปเยียวยาพี่น้องคนไทยคนละ 5,000 บาทเพิ่มเติมให้ครบถ้วนไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องรีบสร้าง หากรัฐเป็นรัฐธรรมาภิบาลจริงก็ควรจัดวงคุยถกกันให้รู้เรื่องก่อน แล้วจึงเดินหน้าต่อหรือหยุดโครงการ
ที่ อ.จะนะ ก็เช่นกัน จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมร่วม 20,000 ไร่ ครม.มีมติอนุมัติในหลักการในวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 โดยที่คนจะนะ แทบไม่มีใครรู้เรื่อง พอมีผังเมืองสีม่วงซึ่งบอกว่าเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาให้เห็น ชาวบ้านจึงเริ่มรู้ความจริง รัฐก็รีบจัดเวทีรับฟังใน 3 ตำบลคือ ตลิ่งชัน นาทับ สะกอม ปิดกั้นให้คนเข้าร่วมได้คือคนตำบลนั้นๆ คนตำบลจะโหนงตำบลคลองเปียะตำบลป่าชิงตำบลบ้านนาที่รั้วหมู่บ้านก็ติดพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลับไม่มีพื้นที่รับฟัง นักวิชาการ คนสงขลา คนหาดใหญ่ก็นับเป็นคนนอกไม่ต้องรับฟัง ราวกับอากาศน้ำเสียมลพิษจะไม่รั่วไหลออกนอกพื้นที่ 3 ตำบล
เช่นนี้คือการรับฟังความเห็นแบบพิธีกรรมทำให้ครบทำให้เสร็จ เพราะนายทุนได้ลงทุนกว้านซื้อที่ดินไปมากแล้ว จ่ายไปมากแล้ว รัฐบาลเองก็รับปากนายทุนอะไรบ้างก็ไม่รู้ไปมากมายแล้ว
เมื่อเวทีการรับฟังความเห็นประชาชนไม่ใช่พื้นที่กลางที่ประชาชนจะคาดหวังความเป็นธรรมได้ คนม่วงงามกับคนจะนะจึงอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
เราเป็นพลเมืองแห่งรัฐที่มีสองทางเลือก เป็นเด็กดีเชื่อฟังรัฐเขาให้ 5,000 บาท ก็รับไว้ เขาให้กำแพงกันคลื่นก็รับมา อยู่ไปทำมาหากินไปตามมีตามเกิด หรือ เราจะเป็นเด็กดื้อออกมาปกป้องบ้านเกิด แต่แน่นอนว่าชีวิตเราจะเหนื่อยยาก เพราะอำนาจรัฐจะถาโถมมาสู่ชุมชนหรือกลุ่มของเรา นี่คือโจทย์ภาคพลเมืองคนสงขลาในวันนี้ แล้วคนอำเภอเมืองสงขลา อำเภอหาดใหญ่ จะไม่ช่วยกันหาคำตอบหรือทางออกกันบ้างหรือ”
#ขอบคุณภาพการสร้างกำแพงกันคลื่นหาดม่วงงาม จาก อจ.ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)