ชายวัย 54 กุเรื่องถูกเลิกจ้าง ชาวบ้าน-นายอำเภอสงสารให้เงินช่วย นายจ้างยัน ไม่เป็นความจริง
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานว่า พบการแจ้งทางเฟซบุ๊กว่า ระบุข้อความว่า “วันนี้หนูเจอคนลำบาก…หนูได้รับข้อมูลจากร้านข้าวว่า…ลุงแกจะกลับโคราชแต่ไม่มีรถ…ลุงแกตอนแรกทำงานก่อสร้าง พอตกจากนั่งร้านก่อสร้าง ลูกพี่ก็ปล่อยแกทิ้ง แกนั่งอยู่ตรงที่รอรถหลายวันแล้วค่ะ หนูได้แต่ช่วยซื้อข้าวให้แกเฉยๆ และให้เงินติดตัวไว้จำนวนหนึ่ง…”
หลังจากได้รับทราบ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังศาลาที่พักผู้โดยสาร บริเวณหน้าร้านเซเว่นฯ ริมถนน 304 (กบินทร์-นครราชสีมา ) ขาเข้า ต.กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้พบผู้ชายวัยกลางคนกำลังยืนถือไม้เท้า อยู่ในศาลาที่พักผู้โดยสาร จึงได้สอบถามทราบชื่อ นาย อำพร ซึมกระโทกอายุ 54 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ 3ม.2 ต.ไทรินทร์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ มีภรรยามีลูกด้วยกัน 1 คน ทำงานอยู่ชลบุรี
นายอำพร กล่าวว่า ตนเองมารับจ้างทำงานกับผู้รับเหมาชื่อจิตร ไม่ทราบนามสกุล รับเหมาทำซุ้มประตูโบสถ์ ที่วัดท่าข่อย ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มาทำกับคนในหมู่บ้าน 4 คน แต่กลับบ้านกันหมดแล้ว เพราะเถ้าแก่ไม่จ่ายค่าแรง ยังเหลือตนที่กำลังรอกลับบ้าน แต่เถ้าแก่หนีกลับสระแก้วแล้วจึงหอบกระเป๋าเสื้อผ้า หิ้วลังใส่ตู้เชื่อมแบบสะพานใส่กล่องออกจากวัด เพื่อจะกลับบ้าน ขณะเดินกระเผลกๆ ออกจากวัด มีคนสงสารให้ขึ้นรถมาที่ บขส. แต่ บขส.บอกว่าไม่มีรถวิ่งข้ามจังหวัด คนที่มาส่งจึงถามว่าจะไปไหน นายอำพร บอกว่าจะไปหาคนที่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน เขามีบ้านอยู่ในซอยข้างเซเว่นฯ และได้โทรคุยกันแล้วว่าจะมารับให้รออยู่ที่นี่ก่อน
ผู้สื่อข่าว ประสานไปยังนายวัลลภ ประวัติวงศ์ นายอำเภอกบินทร์บุรี ได้เดินทางมาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นายอำพร กล่าวว่า ตนเองตกนั่งร้าน ที่ทำงานนายจ้างหนีกลับ ไม่จ่ายค่าแรง นายอำเภอกบินทร์บุรี ประสานผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ให้รายงานให้ทราบว่า มีผู้รับเหมาทำงานที่วัดฯจริงหรือไม่ ให้รายงานให้ทราบโดยด่วน เพื่อที่จะได้ช่วยกัน หาทางแก้ไขให้เป็นไปตามระบบ นายอำพรบอกจะกลับบ้าน นายอำเภอมอบเงินให้ 700 กว่า บาท เพื่อเป็นค่ารถ
ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าจะกลับบ้านยังไง นายอำพร กล่าวว่า ถ้าไม่มีรถกลับ ก็จะขอไปหานางยุพิน (ขอสงวนนามสกุล) อยู่บ้านน้ำฉ่า ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปส่งถึงที่บ้าน
นางยุพิน กล่าวว่า เคยมาทำงานที่บ้าน บ้านกำลังก่อสร้างและหนีไปเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าไปไหน กระทั่งผู้สื่อข่าวมาส่งที่บ้าน ถ้ายังเดินไม่ได้ก็จะให้พักอยู่ที่นี่ก่อน หายแล้วค่อยว่ากันอีกที
ต่อมาผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปยังวัดท่าข่อย พบว่ามีการสร้างซุ้มประตูโบสถ์จริง และได้ถามหาผู้รับเหมา ได้รับการเปิดเผยจากคนงานว่า ผู้รับเหมากลับไปทำธุระที่ จ.สระแก้ว ไม่ได้หนีกลับ และได้ติดต่อกับผู้รับเหมา ทราบว่าทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากผู้ใหญ่บ้าน รู้สึกเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาจะไปพูดคุยกับนายอำพร ให้รู้เรื่อง ทำไมโกหกนายอำเภอและผู้สื่อข่าว เพื่ออะไร จะไม่เอาเรื่อง แต่อยากจะถามให้รู้เรื่องสิ่งที่พูดไปทำให้คนอื่นเสียหายสังคมเข้าใจผิด
ล่าสุดพบ นายสมจิตต์ จงลือชา อายุ 56 ปี กล่าวว่า ตนทราบข่าวจากผู้ใหญ่บ้านว่า นายอำเภอกบินทร์บุรี ให้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่อย่างไร ตนได้บอกผู้ใหญ่บ้านไปแล้วเบื้องต้น วันที่ 17 พฤษภาคม จะขอบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนทราบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายอำพร มาขอทำงานด้วย ตนทำงานรับเหมาก่อสร้างทำซุ้มประตูโบสถ์วัดท่าข่อย ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นายอำพรทำงานร่วมกับลูกน้อง 2คน วันนั้นนายอำพรขึ้นนั่งร้านกับลูกน้องใกล้กัน
นายสมจิตต์ กล่าวต่อว่า ต่อมาลูกน้องบอกตนว่านายอำพร ตกนั่งร้านสูง 1.30 ม. ไม้พาดนั่งร้านหัก การตกนั่งร้านซึ่งตกในท่าเอาส้นเท้าลง จึงทำให้ส้นเท้าขวาเคล็ดบวม ตนรีบมาสอบถามแล้วให้ไปพักผ่อน หาน้ำมันมาทา ตนบอกกับทุกคนว่า จะกลับบ้านเพื่อหว่านข้าว และ จะกลับมาคุมงานอีก โดยสั่งให้นายอำพรพักก่อน ยังไม่ต้องทำงานหายแล้วค่อยทำงานต่อ ก่อนไปนายอำพร บอกว่าช่วยเติมเงินโทรศัพท์ให้ด้วย ตนยังเติมให้ ตนรู้สึกไม่สบายใจ ที่นายอำพรบอกว่าตนปล่อยลูกน้อง หนีกลับบ้าน ไม่เป็นความจริง
“นายอำพรทำให้คนอื่นเดือดร้อน โกหกนายอำเภอ และผู้สื่อข่าว จนมีคนเห็นแล้วสงสารให้เงิน เป็นเรื่องที่น่าอาย และเสียใจกับเรื่องที่นายอำพร กุเรื่องขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้เพื่ออะไรตนผิดหรือที่บอกจะไปหว่านข้าว ไปและกลับมาสั่งงานลูกน้อง อยากฝากบอกถึงนายอำพร ขอให้อย่าเอาดีใส่ตัว ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นแบบนี้ ผมยังทำงานอยู่นี่อีกนาน กว่าจะเสร็จ หากว่าใครไม่เชื่อมาดู มาสอบถามพระที่วัดดูได้ว่าตนเป็นคนอย่างไร มีน้ำใจต่อลูกน้องหรือไม่ นายอำพรมาขอทำงาน และหนีไปเอง จะให้ทำยังไง”นายสมจิตต์ กล่าว