พบศพหนุ่มใหญ่ หลังถูกฟ้าผ่าตกเรือจมน้ำ 3 วัน ไม่พบแหวนตามความเชื่อของชาวประมง ที่อาจเป็นสื่อนำกระแสไฟฟ้า
วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.อ.ชม ชูรัตน์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากนายอนุภัทร สมใจ ผู้ใหญ่บ้านเมืองเก่า หมู่ 2 ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ว่า มีชาวประมงพบศพของนายบุญฤทธิ์ คำพิมพ์ หรือเป๋ อายุ 48 ปี ลูกบ้านของตน บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าค้อ หมู่ 6 ต.ท่าค้อ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร โดยศพอยู่ห่างจากริมตลิ่งไปประมาณ 200 เมตร คนหาปลาจึงลากเข้าหาฝั่งตรงทางขึ้น-ลง หน้าต้นโพธิ์ใหญ่ สภาพคว่ำหน้าสวมเสื้อแขนสั้นสีฟ้า กางเกงกีฬาสีดำ ค้นภายในตัวไม่พบสื่อนำกระแสไฟฟ้าใดๆ ญาติไม่ติดใจในสาเหตุการตาย เจ้าหน้าที่จึงมอบศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 25 พฤษภาคม นายบุญญฤทธิ์หรือเป๋นำเรือออกหาปลาตั้งแต่ช่วงเช้า พร้อมกับเพื่อนๆ ที่ประกอบอาชีพประมง เพื่อนำปลาที่ได้ส่งขายตลาดสดในเขตเทศบาลเมืองนครพนม และร้านอาหารปลาแม่น้ำโขง ถึงช่วงบ่ายก็ออกหาปลาอีกรอบ ปรากฏว่ามีเมฆฟ้าดำทะมึนมาจากฝั่งประเทศลาว นายบุญญฤทธิ์จึงรีบเก็บอุปกรณ์หาปลาใส่เรือ และเดินไปสตาร์ตเครื่อง เพื่อแล่นเข้าฝั่งบริเวณด้านหลังวัดพระธาตุเมืองเก่า ติดกับสวนสุขภาพสมุนไพรตำบลท่าค้อ ก็เกิดเสียงฟ้าแผดร้องคำราม ก่อนจะผ่าเปรี้ยงใส่ร่างของนายบุญญฤทธิ์ร่วงตกจากเรือจมหายไปในแม่น้ำโขง
ผู้เห็นเหตุการณ์จึงระดมชาวบ้านนำเรือออกค้นหา พร้อมประสานไปยังนักประดาน้ำชุดจู่โจมทำลายใต้น้ำ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ตชด.236 พร้อมกู้ภัยศรีสัตตนครพนม และกู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนม แต่ยังไร้วี่แวว จึงยุติการค้นหาเนื่องจากเป็นเวลาค่ำ รุ่งเช้าวันที่ 26 พฤษภาคม ชุดประดาน้ำก็ร่วมกันหาร่างของผู้เสียชีวิตต่อ ตลอดทั้งวันก็ยังไม่เจอศพของนายบุญญฤทธิ์ กระทั่งเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ศพของนายบุญญฤทธิ์ก็ลอยขึ้นมาเอง ห่างจากจุดที่ถูกฟ้าผ่า 1 กม. ซึ่งมีหลายคนมีความเชื่อว่าเหตุที่ถูกฟ้าผ่าน่าจะเกิดจากการที่นายบุญญฤทธิ์มีสื่อนำไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือมือ สร้อย หรือแหวน โดยเฉพาะแหวนทองแดงซึ่งชาวประมงลุ่มแม่น้ำโขง มีความเชื่อว่าจะรอดพ้นจากภยันตราย และหาปลาได้มากกว่าปกติ แต่หลังพบศพนายบุญญฤทธิ์ไม่มีแหวนตามคติความเชื่อ หรืออุปกรณ์นำสื่อกระแสไฟฟ้าใดๆ ทั้งสิ้น
