ปทุมธานี-นักศึกษาฝึกงานวิทยาลัยร้อยเอ็ดพลาดถูกกระแสไฟฟ้าชอร์ตเสียชีวิต
เมื่อเวลา 13.00 วันที่ 10 มิถุนายน 2563 ร.ต.อ.พิเชษฐ์ ปฤกษา ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกกระแสไฟฟ้าดูดเสียชีวิต บริเวณบ้านเลขที่111/6 ม.2 ถนนปทุมธานีสายใน ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าตึกอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น 5 คูหา พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายณัฐกิตติ์ โทอรัญอายุ 19 ปี พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 27 ม.10 ต.บึงนคร อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงานจากวิทยาลัยร้อยเอ็ด นอนหงายอยู่กับพื้นสวมกางเกงขาสั้น เสื้อสีดำ สภาพศพมีรอยไหม้บริเวณลำตัวตลอดจนเสื้อผ้าขาด ใกล้กัน พบเครื่องมืออุปกรณ์เกี่ยวกับช่างและนั่งร้านใกล้กับเสาไฟฟ้า รวมทั้งแผ่น metal sheet วางอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และมีแผ่น metal sheet ที่กำลังปูใกล้กับหม้อแปลงไฟฟ้า 2 แผ่น จากความสูงประมาณ 5 เมตร
จากการสอบถาม ศักดา ลำมนา อายุ 33 ปี ผู้ควบคุมทำงานบอกว่า ก่อนเกิดเหตุต่างคนต่างก้มหน้าทำงานช่วงนั้นกำลังยึดนอตมุงแผ่น metal sheet อยู่ ผู้ที่เสียชีวิตนั้นกำลังจะลุกขึ้นช่วงนั้นก็ไปโดนสายไฟแรงสูง ทำให้ไฟชอร์ต ตกลงมาเสียชีวิต เนื่องจากผู้เสียชีวิตนั้นกำลังฝึกงานได้ 1 ปีแล้ว ประมาณเดือนกันยายนนี้ก็จะจบแล้ว
ส่วนนายไกรสร คล้ายเศร้าอายุ 33 ปี ผู้ควบคุมงานได้เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตนั้นฝึกงานอยู่ บริษัทเอสพีกันสาดจำกัด ซึ่งทางโรงเรียนนั้นส่งมาให้มาฝึกงาน ซึ่งทางบริษัทก็จะดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ส่วนนายจิรายุ สุระมณี อายุ 18 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต บอกว่า เรียนมาด้วยกันอยู่แผนกเทคนิคอุตสาหกรรมวิทยาลัยเทคนิคจังหวัดร้อยเอ็ด และมาฝึกงานด้วยกัน ในระหว่างนั้นตนเองอยู่ข้างล่างส่วนผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ข้างบน ซึ่งก็ใกล้จะจบแล้ว แต่เพื่อนต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
ร.ต.อ.พิเชษฐ ปฤกษา ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุและบันทึกภาพวัตถุพยานต่างๆ เก็บไว้เป็นหลักฐานพร้อมจะได้เชิญผู้ใกล้ชิดไปให้ปากคำเพิ่มเติมสอบสวนหาสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้ และให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เพื่อตรวจสอบการเสียชีวิตอีกครั้ง และจะได้ติดตามญาติเพื่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
