กลุ่มผู้เลี้ยงหอยแครง เรียกร้องหยุดนำชาวบ้านไปเก็บลูกหอย หวั่นเกิดปัญหาอีก ทางจังหวัดส่งกำลังคุมพื้นที่

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมนายจเร ขวัญเกิด ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนาวาเอก วศากร สุนทรนันท์ รอง ผอ.ศรชล.ประจำ จ.สุราษฎร์ธานี เชิญผู้นำชุมชนและผู้นำท้องถิ่นในบริเวณพื้นที่ริมชายฝั่งทะเล มาประชุมหารือทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำข้อมูลไปแก้ปัญหาความขัดแย้งชิงทรัพยากรหอยแครงในอ่าวบ้านดอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นได้มีผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงชายฝั่งทะเลหลายอำเภอกว่า 100 คนมาขอความเป็นธรรมให้กับนายสันติ นวลเสน อายุ 29 ปี ผู้เพาะเลี้ยงหอยที่บ้านคลองราง หมู่ 2 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน ที่เพิ่งใช้เงิน 2,200,000 บาท ซื้อลูกหอยจากชาวบ้านจับมาจากเขต 1,000 เมตร มาเพาะเลี้ยง และช่วงเช้าวันนี้มีชาวประมงพื้นบ้านนำเรือกว่า 300 ลำ เข้าไปตักเก็บหอยในเขตเพาะเลี้ยงจนมีการใช้อาวุธปืนยิงขับไล่ โดยขอเรียกร้องให้หยุดนำชาวบ้านไปเก็บหอยในพื้นที่ซื้อหอยไปเลี้ยงไว้ พร้อมให้จังหวัดเชิญเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครง และชาวประมงพื้นบ้านมาพูดคุยกัน และในช่วงนี้ขอให้หยุดการรับซื้อลูกหอยไปก่อน

นายประเสริฐ ชัญจุกรณ์ กำนัน ต.ลีเล็ด กล่าวในที่ประชุมว่า พื้นที่ผ่อนปรนใน ต.ลีเล็ด ไม่มีไม้หลักเขตซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันอนุรักษ์ป่าชายเลนจากเดิม 5,085 ไร่เพิ่มเป็น 7,818 ไร่ที่สมบูรณ์และมีการแก่งแย่งทรัพยากรซึ่งชาวบ้านเสียเปรียบชาวประมงพื้นบ้านที่เข้ามาหากิน ซึ่งหากจะให้ผู้นำฝ่ายปกครองผู้นำท้องถิ่นดูแลเขตผ่อนปรนเชื่อว่าจะดูแลได้ตามปกติ และอาจให้มีขนำเล็กเฝ้าแบบที่ จ.เพชรบุรี

“วันนี้ตนอยู่ใกล้เหตุการณ์แต่ข่าวที่ออกมาเป็นการไม่ดีกับผู้กระทำเขา (นายสันติ) ไล่ทั้งน้ำตา สุดท้ายเขาใช้ปืนไล่ยิงจึงขอให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย เห็นว่าวิธีการแก้แบบชุมชนเข้มแข็งน่าจะดีที่สุดในการแก้ปัญหา พวกเราเกษตรกรและผู้ประกอบการอยากให้มีการแก้ปัญหาร่วมกันและให้ทุกคนให้มีความมั่นคงในอาชีพ” นายประเสริฐกล่าว

Advertisement

นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า หน่วยงานราชการได้ลงพื้นที่ดูแลทั้งผู้ประกอบการและชาวบ้านไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งการแก้ปัญหาเน้นหลักชุมชนเข้มเเข็ง โดยทางจังหวัดจะส่งกำลังไปป้องกันเหตุไม่ให้เกิดเรื่องและผู้ประกอบการสามารถรวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิ แต่อย่าให้เกิดความรุนแรงยืนยันว่าจะไม่เข้าข้างฝ่ายใดให้ชุมชนบริหารตามบริบทชุมชน

ด้านนาวาเอกวศากรกล่าวว่า ปัญหาชุมชนอยากให้แก้ที่ชุมชน ซึ่งจะนำข้อมูลที่ได้ผู้นำชุมชนและประมงพื้นบ้านไปเสนอผู้บังคับบัญชา โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปรักษาความสงบในช่วงปลายสัปดาห์นี้ซึ่งไม่ได้ไปคุ้มครองใคร ส่วนการรื้อคอกหอยจะดำเนินการ 3 ระยะเช่นเดิม อยากให้ผู้ประกอบการรื้อในพื้นที่ตนเองก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image