เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 21 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.บึงกาฬ ว่า เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาวงแหวน หรือ สุริยุปราคาบางส่วน โดยเริ่มสังเกตเห็นในช่วงบ่าย ตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้อย่างชัดเจน โดยเป็นการมองผ่านกระจกกันแสงเชื่อม ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านวัสดุก่อสร้างในราคาแผ่นละ 20 บาท ซึ่งผู้ปกครองได้พาเด็กๆ ออกมาดู ขณะที่เด็กบางส่วนไม่มีอุปกรณ์ในการดู ต้องอาศัยดูผ่านร่มเงาของต้นไม้ และรูกระเบื้อง หรือสังกะสีที่มีแสงดวงอาทิตย์ลอดผ่านลงมา รวมทั้งกระชอนกรองกะทิที่เด็กๆ นำมาถือทั้งลักษณะคว่ำและหงาย โดยสามารถเห็นเป็นดวงอาทิตย์เสี้ยวได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม “สุริยุปราคาบางส่วน” สามารถเห็นชัดทั่วประเทศ ในวันนี้ ตั้งแต่เวลา 13.00-16.10 น. ตรงกับ “วันครีษมายัน” กลางวันยาวนานสุดในรอบปี หากพลาดชมต้องรออีก 7 ปี โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาวงแหวน แนวคราสวงแหวนพาดผ่านสาธารณรัฐแอฟริกากลาง คองโก เอธิโอเปีย ตอนใต้ของปากีสถาน ตอนเหนือของอินเดีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนประเทศไทยจะเห็นเป็น “สุริยุปราคาบางส่วน” ดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์เพียงบางส่วน ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่ง สามารถสังเกตได้ในช่วงเวลาประมาณ 13.00-16.10 น. ตามเวลาประเทศไทย ดวงอาทิตย์จะปรากฏเว้าแหว่งมากที่สุด เวลาประมาณ 14.49 น. สังเกตได้ทุกภูมิภาคของไทย แต่ละภูมิภาคจะมองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งมากน้อยแตกต่างกัน
ทั้งนี้ ควรมองผ่านอุปกรณ์เฉพาะ ที่มีคุณสมบัติกรองแสงได้อย่างปลอดภัย เช่น แว่นตาดูดวงอาทิตย์ทำจากแผ่นกรองแสงพอลิเมอร์ดำ แผ่นกรองแสงอะลูมิเนียมไมลาร์ กระจกแผ่นกรองแสงสำหรับหน้ากากเชื่อมโลหะ เบอร์ 14 หรือมากกว่า และอุปกรณ์สังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ทางอ้อม เช่น การดูเงาของแสงอาทิตย์ผ่านฉากรับภาพ หรือใช้หลักการของกล้องรูเข็ม ซึ่งเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยไม่เกิดอันตรายต่อดวงตา
