‘พันธ์ยศ’​ แนะสร้างระบบสุขภาวะใหม่​ ป้องกันโควิด-19 ระบาดอีกครั้ง!

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพเเละประธานสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน กล่าวว่า กรณีที่ ดร.เทดรอส อัดนอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงวานนี้ เรียกร้องทุกประเทศและทุกคนยังต้องระมัดระวังอย่างสูงสุด ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 เข้าสู่ระยะใหม่และอันตราย จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ในวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา เพิ่มกว่า 1.5 แสนราย มากที่สุดในวันเดียวตั้งแต่เริ่มระบาด เกือบครึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศอเมริกา กับอีกจำนวนมากในเอเชียใต้และตะวันออกกลางนั้นเเสดงว่าโลกยังอยู่ในภาวะล็อกดาว์นอีกอย่างน้อยสองปี

นายพันธ์ยศ​กล่าวว่า ดังนั้นการที่ตนดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาวะในการจำหน่ายเจลล้างมือ ถุงมือยางเเละหน้ากากอนามัยในนามของบริษัท​ พันธ์​ยศ​ ​เฮลธ์แพลนเนท​ จำกัด​ ตนได้รับการติดต่อจากประชาสังคมหลายภาคส่วนในการขอรับบริจาคเเละเป็นตัวเเทนจำหน่าย หน้ากากอนามัย ถุงมืออนามัยเเละเจลล้างมือที่ไปเสริมรายได้ให้บางครอบครัว ต้องขอขอบคุณเเละตนพร้อมช่วยเหลือทุกฝ่ายอย่างเต็มที่​ เพราะมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่และตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่จะทำงานสังคมทางด้านนี้อยู่แล้ว

นายพันธ์ยศ​กล่าวด้วยว่า เสียงสะท้อนเกี่ยวกับสุขภาวะของสังคมไทยในข่วงนี้เเละหลังไวรัสโควิด-19​ ทำให้เกิดมาตรฐานใหม่ในการดำรงชีวิต และการรักษาความปลอดภัยให้กับสุขภาพของ คนในสังคม นั่นเท่ากับว่าภาวะ​ ‘New Nornal’​ นั้นทุกฝ่ายต้องมีการปรับตัวใหม่อย่างเป็นระบบ​ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้นกระเเสสุขภาวะของคนในสังคมวันนี้เเละวันหน้านั้นเราต้องร่วมวางนโยบายการอยู่ร่วมกันเป็นวาระหลักของประเทศ

นายพันธ์ยศ​กล่าวอีกว่า วาระหลักนั้นมีสาระสำคัญว่า “สุขภาพไทยดีทั่วหน้าตลอดไป” โดยต้องจัดระบบสาธารณสุขใหม่ทั้งระบบรวมทั้งการดูเเลบุคลากรเเละเงินที่จะใช้ในการดำเนินการใหม่ด้านสุขภาวะ เพราะมันคือการวางเเผนรองรับระบบสุขภาพคนไทยรอบใหม่ โดยตนขอเสนอเเนวคิดต่อสังคมในเรื่องดังกล่าว​ คือ

Advertisement

1.สร้างระบบธุรกิจสุขภาวะใหม่เพราะกระเเสโลกวันนี้จะยึดโมเดลนี้เเทนการค้า การลงทุนเเละการท่องเที่ยวเเล้ว สังคมจะเน้นการรักษาเเละป้องกันตัวเองในระบบสุขภาวะ ทุกธุรกิจเเละการจ้างงานปรับตัวใหม่ทั้งระบบ การสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจเเละยอมรับ​ จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งตรงนี้ต้องส่งเสริมทั้งภูมิปัญญาดั้งเดิมเเละนวัตกรรมใหม่ๅเพื่อสร้างเเรงจูงใจเเละอาชีพใหม่เเบบยั่งยืนโดยใช้งบประมาณจากภาษีบาป เเละการลดหย่อนภาษีจากการบริจาคของสังคมปีละ​ 3,000​ ล้านบาท​ เพื่อส่งเสริมต่อยอดเเบบยั่งยืน

2.​ สร้างนักเรียนเเพทย์​ 3​ คนต่อ​ 1อำเภอ โดยให้ทุนเรียนดีเเละทุนยากจนกับโรงเรียนต่างๆ ใน​ 1 ​อำเภอ เมื่อสำเร็จการศึกษา​ 1​ อำเภอ​ จะมีเเพทย์ท้องถิ่นสามคนมาทำงานใช้ทุนห้าปี ในอำเภอนั้นๆ​ โดยทุนนี้มาจากภาษีท้องถิ่นด้านสาธารณสุข ภาษีสุราเเละยาสูบ เเละการบริจาคของคนในอำเภอนั้นๆ ที่ลดหย่อนภาษีประจำปีได้ตรงนี้จะสร้างเเรงจูงใจนักเรียนในพื้นที่ว่าค่าเล่าเรียนนี้มาจากทุนของประชาชนในอำเภอนั้นๆเเละต้องตอบเเทนพื้นที่จากการที่ชุมชนร่วมสร้างคนพื้นถิ่นที่มีคุณภาพด้วยน้ำใจของคนในพื้นที่

Advertisement

3.การจัดงบศึกษาโรคระบาดเเละโรคอุบัติใหม่ให้สภาการวิจัยเเห่งชาติเพิ่มปีละ​ 1000​ ล้านบาทเป็นการเฉพาะโดยมาจากการเก็บภาษีในสุราเเละยาสูบเเละการบริจาคเเละการบริจาคของประชาชนที่ลดหย่อนภาษีประจำปีได้

4.การบริจาคเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกหมู่บ้าน โดยจัดเก็บภาษีจากภาษีบาปเเล้วนำไปดูเเล​ อสม.เเละเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในหมู่บ้านเเละตำบล เดือนละ300บาท/คน เพื่อตรวจสุขภาพเเละสถิติประชากรในพื้นที่ทุกเดือนเเละรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเเบบอัพเดทเพื่อเก็บเป็น​ Big Data ของประเทศต่อไป

แนวความคิดที่แนะนำต่างๆ นี้เป็นเพียงการเริ่มต้นในการจัดสรรงบประมาณ เพื่อสร้างระบบสุขภาวะใหม่ของคนไทย ซึ่งหากมีระบบสุขภาวะที่ดี ตนมั่นใจว่าทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี​ จึงควรที่จะนำจุดแข็งตรงนี้มาต่อยอด ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม​

“หวังว่าเเนวคิดของตนที่รับเสียงสะท้อนมานี้ สังคมจะรับรู้เเละช่วยสะท้อนเเนวคิดออกมาร่วมกัน สร้างระบบสุขภาวะใหม่ที่ดีกว่าเดิม เพราะ การที่ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและมีความสุข จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีของประเทศไทย” นายพันธ์ยศกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image