เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนริศ ฤกษ์ดี นายอำเภอเกาะยาว พร้อมด้วยนายประถม รัสมี ผอ.สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 นายประจวบ โมฆรัตน์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล นายจักรพันธ์ ม่วงยิ้ม ผอ.ส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่าย ส่วนบริหารงานทั่วไป ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 14 (ตะกั่วทุ่ง พังงา) และ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 12 (วังหม้อแกง พังงา) ตลอดจนส่วนราชการในพื้นที่อำเภอเกาะยาว เทศบาลพรุใน ผู้ประกอบการท่องเที่ยว กลุ่มรักษ์เกาะไข่ และนักดำน้ำอาสาสมัคร จำนวน 130 คน จัดกิจกรรมทำความสะอาดชายหาด และดำน้ำเก็บเศษอวนในแนวปะการัง บริเวณหมู่เกาะไข่ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา สามารถเก็บขยะได้จำนวน 1,092 กิโลกรัม จากการคัดแยกขยะ พบเศษอวนในแนวปะการัง ขวดพลาสติก ขวดแก้ว โฟม และขยะอินทรีย์ กิจกรรมในครั้งนี้แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชน ที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล
นายประถม กล่าวว่า ขยะทะเล จัดเป็นหนึ่งในปัญหาที่ขาดการแก้ไขอย่างถูกต้อง และจากสถานการณ์ที่ประเทศไทยถูกระบุว่ามีขยะทะเลมากเป็นอันดับ 10 ของโลก โดยมีการปล่อยขยะลงสู่ท้องทะเลมากกว่า 1 ล้านตันต่อปี ส่วนใหญ่เป็นขยะพลาสติกที่ยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาแน่ชัดได้ ขยะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลที่สำคัญ เช่น ปะการัง หญ้าทะเล ป่าชายเลน และป่าชายหาด ทำให้ระบบนิเวศดังกล่าวเปลี่ยนแปลง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ทำลายทัศนียภาพทางทะเลที่สวยงาม ทำให้คุณค่าแหล่งท่องเที่ยวลดลง ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสร้างมูลค่าด้านการท่องเที่ยวจำนวนมากต่อปี ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ทั้งของสัตว์ทะเลและมนุษย์ที่ได้รับบาดเจ็บจากขยะบริเวณชายหาด และผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหายาก โดยพบว่าร้อยละ 2-5 ของสัตว์ทะเล หายากและใกล้สูญพันธ์ที่ตาย เหตุมาจากการกินขยะทะเล
