พ่อ ‘น้องดาว’ เศร้า-คิดถึงลูก ยันไม่เคยขายลูกกิน ชี้เป็นเด็กขยันช่วยเหลือครอบครัว

พ่อ ‘น้องดาว’ เศร้า-คิดถึงลูก ยันไม่เคยขายลูกกิน ชี้เป็นเด็กขยันช่วยเหลือครอบครัว

กรณี ‘น้องดาว’ อายุ 18 ปี ที่เสียชีวิตอย่างปริศนา โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีไปแล้ว รวม 3 คน ประกอบด้วย นายพงษ์พัฒน์ นักเพียร หรือ พัฒน์ อายุ 22 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตาย ใน 2 ข้อหาคือ ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นที่มิใช่ภรรยาในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และข้อหามีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนายภาคิน จันทร์เยี่ยม หรือเต๋า อายุ 21 ปี และนายณัฐพงศ์ อนุเครือ หรือธี อายุ 18 ปี  ใน 2 ข้อหา ฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์และพาผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากผู้ปกครอง เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์ยินยอมเต็มใจไปด้วยนั้น

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของน้องดาว พบนายมานพ เหลืองต้นตระกูล พ่อของ น.ส.ณัฐตินี เหลืองต้นตระกูล หรือน้องดาว อายุ 18 ปี อดีตนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนดังแห่งหนึ่งของ จ.กาญจนบุรี โดยสภาพของนายมานพ นั่งอยู่ในต้นมะขามเพียงคนเดียว ด้วยอาการที่เหม่อลอย สีหน้าเคร่งเครียดคาดว่าคงจะคิดถึงน้องดาว เมื่อเห็นสื่อลงไปเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งเปลี่ยนอาการ ซึ่งเห็นชัดเจนว่ากำลังนั่งคิดถึงลูกสาวที่จากไป

นายมานพ กล่าวว่า ครอบครัวตนเองไม่ใช่คนมีฐานะ มีอาชีพรับจ้างรายวันไม่ทำก็ไม่ได้เงิน ต้องหาเช้ากินค่ำ ช่วงน้องดาวเข้าเรียนชั้นมัธยม พ่อกับแม่ ต้องทำงานหนักมาก เพื่อหาเงินมาส่งน้องดาว มีค่าใช้จ่ายมากมาย จนเทอมปลาย น้องดาวเกือบเรียนไม่จบ ม.6 เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงมาก น้องดาวเป็นเด็กขยันช่วยงานกิจกรรมของโรงเรียน รวมถึงเพื่อนๆ รวมถึงชาวบ้านมีงานอะไร น้องดาวก็จะไปช่วยชาวบ้านทำครัว ล้างชาม โดยเฉพาะงานบวชจะเป็นนางรำหน้านากตลอด จึงเป็นที่รักของเพื่อนๆ และชาวบ้าน

นายมานพ กล่าวต่อว่า น้องดาวเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว หากมี ตนเองต้องทราบ ต้องพาไปรักษา แต่นี่น้องดาว ไม่มีอาการอะไร ร่าเริงปกติ จากการที่น้องดาว ได้ร่วมกิจกรรมของโรงเรียน ทางโรงเรียนได้ให้เงินพิเศษกับ น้องดาว มาช่วยเหลือครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง น้องดาวจึงสามารถเรียนจนจบ ม.6 แล้วกำลังจะไปเรียนต่อในสายอาชีพ ซึ่นตนไม่คิดว่าครอบครัวตนเองจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

Advertisement

“หลังจากเสร็จงานศพน้องดาว ได้มีทางญาติฝ่าย นายพงษ์พัฒน์ นักเพียร ติดต่อมาขอเจรจา ซึ่งผมได้เรียกค่าสินไหมไปเป็นจำนวนเงิน 800,000 บาท แต่เขาบอกว่าไม่สู้ไม่ไหว และบอกว่าจะเขามาคุย หลังจากนั้น ก็ไม่ได้รับคำตอบหายไปเลย คนเรามีอะไรก็คุยกันได้ แต่ไม่เข้ามาเลย ผมก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ไป จะให้ไปหาทนายไปฟ้องร้องเอา จะไปหาเงินที่ไหน ครอบครัวหาเช้ากินค่ำยังมีลูกชายอายุ 13 ปี อีกคนกำลังเรียนเราก็ต้องดูแลเขาต่อไป เพราะลูกใครใครก็รัก จะดีเลวก็ลูกเรา และผมเองไม่ได้ขายลูกกิน” นายมานพ กล่าว

นายมานพ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดกาญจนบุรี โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภาค 7 ที่ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุพัฒน์ เชยชิด ผทค.พิเศษ ตร.ปฎิบัติหน้าที่ ภ.7 เป็นหัวหน้าคณะลงมาดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง แล้วได้ให้เจ้าหน้าที่ไปรับตนเองเข้าไปพูดคุยในห้องประชุม พร้อมบอกว่าเจ้าหน้าที่จะดูแลเรื่องนี้ให้ได้รับความเป็นธรรม และยังมี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ให้บอกว่าหากมีปัญหาใดให้ติดต่อมาด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image