เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ที่วัดศรีวิชัยวัฒนาราม จ.ชัยนาท นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ติดตาม กรณีพระลุกวัดโพสต์ภาพหญิงรายหนึ่ง อายุประมาณ 50 ปี นุ่งกระโจมอกภายในวัด พร้อมข้อความระบุว่า หญิงดังกล่าวเข้ามาอาศัยอยู่ในวัดนานหลายปี โดยมาดูแลเจ้าอาวาส อีกทั้งเรียกชื่อพระโดยไม่มีคำนำหน้า ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถงึความไม่เหมาะสมนั้น
นายเพชรวรรต กล่าวว่า หลังมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ตนได้รับคำสั่งจาก นายสุชาติ อุสาหะ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ให้ส่งกมธ.ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามเป็นการเร่งด่วน
ด้าน นายณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่า พระลูกวัดร้องขอให้หน่วยงานที่มีอำนาจเข้ามาตรวจสอบนั้น ตนได้รับคำสั่งจากคณะกรรมาธิการฯ ให้ลงพื้นที่และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยนาท นายกเทศมนตรีเมืองชัยนาท นายอำเภอเมืองชัยนาท ผู้กำกับสถานีภูธรเมืองชัยนาท และให้ประสานพระครูสุทธิชยกร (สุทธิศักดิ์ จบศรี) เจ้าอาวาสวัดศรีวิชัยวัฒนาราม รวมถึงนางสมมาต โยมอุบาสิกาที่อยู่กินในวัด และผู้เกี่ยวข้องเข้ามาหารือและดำเนินการอย่างรัดกุม เนื่องจากเป็นข่าวที่กระทบต่อศรัทธาของพุทธบริษัททั้งประเทศ กระทบสถาบันพุทธศาสนาที่เป็นหนึ่งในสามสถาบันหลักของชาติ
พระครูสุทธิชยากร เจ้าอาวาสวัดศรีวิชัยวัฒนาราม กล่าวว่า อาตมาอายุมากแล้วกว่า 87 พรรษา ปัจจุบันมีอาการป่วยอาพาธมานาน ขาดคนดูแล ที่ผ่านมามีนางสมมาต ฉลาดธัญกิจ ที่เป็นแม่ครัวทำอาหารถวาย แต่ด้วยพื้นที่ของวัดจำกัด ไม่มีพื้นที่มากพอ จึงไม่สามารถแบ่งเขตสังฆาวาสกับเขตอุปัฏฐากได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่สำหรับอุปัฏฐากที่เป็นอุบาสิกา จึงทำให้เกิดเหตุอุบาสิกานุ่งกระโจมอกในวัดดังกล่าว
นางสมมาต กล่าวว่า จากภาพตนนุ่งกระโจมอกเป็นภาพเก่าที่ถูกแอบถ่ายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ด้วยเเหตุบังเอิญที่ตนกำลังจะอาบน้ำ แต่เห็นขยะบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของวัดจึงรีบออกไปเก็บ ไม่นึกว่าจะมีผู้ไม่หวังดีแอบถ่ายภาพและนำมาโพสต์จนเป็นข่าว ตนเป็นผู้หญิงมาเป็นแม่ครัวเพราะต้องการช่วยเหลือพระอาพาธที่ชรา ไม่มีเจตนาจะทำให้พระสงฆ์เสื่อมเสีย และเพื่อประกาศความรับผิดชอบ ตนขอเก็บของออกจากวัดภายในวันนี้เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่าง
ต่อมา พ.ต.ท.ชาติชาย ภักดิ์บุตร รอง ผกก.ป.สภ.เมืองชัยนาท และ พ.ต.ต.อภินัทธ์ ใจวัฒโน สวป.สภ.เมืองชัยนาท ได้รับคำสั่งจากผู้กำกับ สภ.เมืองชัยนาท ให้เข้ามารับข้อมูลและดำเนินการ ได้มีความเห็นตรงกับ นายสุวรรณ์ โมรา เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองชัยนาท และนายนพดล ศรีแจ่ม ปลัดอำเภอเมืองชัยนาท ว่า เรื่องดังกล่าว มี 2 ประเด็น คือ 1.นางสมมาตรประกาศว่าจะออกจากวัด 2.การถูกดูหมิ่นว่าอยู่กับพระสองต่อสองและใช้คำพูดจาไม่สุภาพ ในประเด็นแรกจะให้ลงบันทึกประจำวัน ส่วนประเด็นที่สอง จะให้ผู้ร้องนำพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ด้านนางจิรประภา เอี่ยวเจริญ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จังหวัดชัยนาท กล่าวว่า เมื่อนางสมมาตยืนยันจะออกจากวัดแล้ว จะมีอีกหนึ่งประเด็น คือ พระสงฆ์ชราภาพขาดผู้อุปัฏฐากนั้น ได้หารือกับพระครูอุดมชัยสิทธิ์ และพระปลัดเสกสรรค์ เลขาฯ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ด้วยเหตุการณ์นี้ มีโครงการร่วมกันระหว่างคณะสงฆ์และกรมอนามัย ที่จัดหลักสูตร “พระคิลานุปัฏฐาก”ขึ้น สำหรับหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐากหรือพระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด (อสว.) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาวะพระสงฆ์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังรวมถึงการอุปัฏฐากพระสงฆ์ที่ชราภาพด้วย ซึ่งจะดำเนินการเพื่อมาดูแลพระครูสุทธิชยากรเจ้าอาวาสวัดศรีวิชัยวัฒนาราม ต่อไป
พ.อ.มนตรี สังขาร วัยยาวัจกรวัดศรีวิชัยวัฒนาราม กล่าวว่า ในประเด็นนางสมมาตจะออกจากวัดถือว่าจบไป สำหรับข่าวว่ามีเรื่องการชู้สาวระหว่างเจ้าอาวาสกับนางสมมาตนั้น ตนยืนยันว่าไม่มีเรื่องชู้สาวอย่างแน่นอน เรื่องที่เกิดขึ้นในวัดเกิดจากการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายถึง 3 ก๊ก ทำให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีกัน ตนอยากเรียกร้องให้ช่วยเหลือพระชรา และปกป้อง หากเกิดข้อพิพาทกันภายในวัด ควรมีหน่วยงานที่มาดูแลเรื่องนี้โดยตรง