ยัน 2 บิ๊กสำนักงานจังหวัดหากปล่อยลูกจ้างโกงงบหลวง 39.2 ล้าน ต้องรับความผิด
กรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกดำเนินคดีหลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการ 39.2 ล้านบาท จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และพบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็ค รวม 166 ครั้ง ถูกควบคุมตัวจากการฝากขังผัดแรก 12 วัน ในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
ผู้ว่าฯแถลงลูกจ้างโกงเกือบ 40ล. ชี้หน.งานบกพร่อง ส่อพิรุธ เช็คหายกลับไม่แจ้งความ สั่งสอบก่อนฟันวินัย
วันที่ 1 ก.ค. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาความผิดในคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 ราย ในสำนักงานจังหวัดที่มอบสมาร์ทการ์ดและรหัสผ่านให้ลูกจ้างใช้ในการทุจริต เนื่องจากต้องดูเจตนา และขณะนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าลูกจ้างได้โกงงบประมาณไปทั้งหมด โดยไม่ได้แบ่งให้ผู้มีอำนาจลงนามเบิกจ่ายหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรายใด และหากไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงในทางคดีอาญา ไม่ถือว่ามีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์จากการทุจริต แต่การสอบสวนในทางวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องรับผิดชอบทางละเมิดเพื่อชดใช้ค่าเสียหายจากงบประมาณที่สูญหายไปทั้งหมด ทั้งการหักเงินเดือน การยึดทรัพย์ หรือหากไม่มีจ่ายก็ต้องฟ้องร้องในคดีแพ่งทำให้มีความเสี่ยงกับการเป็นบุคคลล้มละลาย เนื่องจากความประมาทเลินเล่อในการทำหน้าที่
“ผู้ที่มีลายมือในเช็คทุกฉบับ ทั้ง 78 ใบ ต้องรอผลการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ หากเป็นลายมือจริงที่ลงนามไว้แล้ว ปล่อยให้ลูกจ้างนำไปทุจริตจะมีปัญหาพอสมควร สำหรับคดีนี้หากเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เบื้องต้นจะต้องสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน โดยไม่ได้รับเงินเดือนจนกว่าผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น ซึ่งยอมรับว่าระบบการบริหารงานมีความแตกต่างกัน“ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าว
นายอุดร โพธิ์พ่วง ผู้ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ ( กมธ.) ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงหลังพบการทุจริตต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ถึงวันที่ 17 เมษายน 2563 โดยไม่เคยพบการทุจริตในระบบตรวจสอบ หากสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไม่จ่ายเช็คเด้ง 1.2 แสนบาท ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ทำให้เชื่อว่าการทุจริตจะมีความเสียหายมากกว่านี้ ซึ่งเป็นความบกพร่องอย่างชัดเจนในการบริหารราชการแผ่นดิน ล่าสุดผู้บริหารในพรรคให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากพบว่ามีปัญหาในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพียงจังหวัดเดียว และขณะนี้มีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ประธาน กมธ.ป.ป.ช.เชิญผู้เกี่ยวข้องในจังหวัดไปชี้แจงข้อเท็จจริง เนื่องจากไม่เชื่อว่ามีลูกจ้างกระทำความผิดเพียงรายเดียว
นายอุดรกล่าวว่า นอกจากนั้นยังมีการตั้งข้อสังเกตกรณีกรรมการสอบข้อเท็จจริง 5 ราย มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ 3 ราย ในสำนักงานจังหวัดเพื่อสอบสวนผู้บังคับบัญชาในหน่วยงาน หากไม่มีการทักท้วงก็ไม่มีเปลี่ยนแปลงรายชื่อ และขณะนี้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชี้แจงว่ากรรมการบางรายที่แต่งตั้ง มีลายมือชื่อลงนามในเช็คเปล่า ที่เก็บไว้ในบ้านพักของผู้ต้องหาหรือไม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยตรวจสอบภายในที่ขึ้นตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่เคยตรวจพบการทุจริตดังกล่าว แต่ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริง สำหรับการใช้เช็คเบิกจ่ายหากมีการนำลายมือชื่อไปตรวจสอบ ถ้ามีการระบุว่าเป็นลายเซ็นปลอมก็จะมีคำถามไปถึงผู้จัดการธนาคารกรุงไทยว่าที่ผ่านมาอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สำนักงานจังวัดเบิกจ่ายเช็คได้อย่างไร
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะนักกฎหมายได้ติดตามการชี้แจงของผู้ว่าราชการจังหวัด และทีมงาน ยืนยันว่าการชี้แจงไม่ทำให้คลี่คลายข้อสงสัยหรือทำให้คดีนี้มีความกระจ่างมากขึ้น ไม่ได้แจ้งว่าจะชดใช้ค่าเสียหายของทางราชการอย่างไร ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าลูกจ้างทำความผิดเพียงรายเดียว สำหรับการยอมรับว่าสาเหตุที่ลูกจ้างโกงเงินในระบบออนไลน์ได้ เนื่องจากผู้อำนาจในการเบิกจ่าย 2 ราย ในสำนักงานจังหวัดได้มอบรหัสให้ใช้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นถือว่าอาจเข้าข่ายมีส่วนร่วมในการทุจริต รวมทั้งปล่อยให้มีการใช้ลายมือชื่อลงนามเบิกจ่ายเช็คจากธนาคารกรุงไทย และส่วนตัวไม่เชื่อว่าผู้บริหารระดับจังหวัดจะไม่เคยเรียกตรวจสอบบัญชีการเงินการคลังของสำนักงานจังหวัด ตลอดระยะเวลาที่มีการทุจริต 14 เดือน ล่าสุดทีมงานพรรคเพื่อไทยจะยื่นหลักฐานร้องเรียนปัญหาการทุจริตในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากการฮั้วงานประมูลภายในจังหวัด ซึ่งทำให้ภาครัฐมีมูลค่าความเสียหายปีละหลายร้อยล้านบาท