รร.ชายแดนเข้มคัดกรอง ทหารขึงลวดหหนามป้องกันลักลอบเข้าประเทศ
ที่โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พ.อ.สุพรรณ ร้อยพุทธ รอง เสธ.กกล.ผาเมือง รักษาราชการแทน รอง ผบ.ฉก.ม.2 เข้าพบปะกับ นายปราโมทย์ นพวงศ์ ผอ.รร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ เนื่องจากเป็นวันแรกที่ได้เปิดเรียนภาคเรียนแรกประจำปี 2563 โดยทางโรงเรียนได้มีการจัดจุดคัดกรองที่ด้านหน้าโรงเรียน มีการวัดอุณหภูมิร่างกายของนักเรียน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากร้อย ม.3 ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมืองนำโดย ร.อ.กิตติเดช กันคล้อย ผบ.ร้อยฯ จัดกำลังมาคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลาน โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่ร่วมคัดกรองนักเรียนก่อนเข้าโรงเรียน
โดยโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ เป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนทั้งจากในพื้นที่ อ.แม่สาย และใกล้เคียงแล้ว ยังมีนักเรียนที่อาศัยอยู่ในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา ที่ตามปกติจะมีรถนักเรียนจากท่าขี้เหล็กข้ามพรมแดน มาส่งนักเรียนเข้าเรียน แต่เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด – 19 อยู่ ทั้งประเทศไทย และเมียนมา จึงได้มีการปิดด่านพรมแดน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโดยให้ผ่านเฉพาะรถบรรทุกที่ลำเลียงสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น โดยจะให้ข้ามที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2
สำหรับโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ มีนักเรียนทั้งหมด จำนวน 2,916 คน นักเรียนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา จำนวน 239 คน โดยทางโรงเรียนได้มีการจัดให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อให้สามารถเรียนได้ทันเพื่อนที่เรียนอยู่ในประเทศไทย ซึ่งทางโรงเรียนจะไม่ตัดสิทธิ์ในการเรียน และจะให้กลับมาเรียนได้เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตามพบว่าก่อนหน้านี้บริเวณชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งมีลำน้ำสายเป็นเส้นแบ่งเขตแดน และได้มีการลักลอบเข้ามาในประเทศตามช่องทางธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นคนไทยที่ไปทำงานตกค้างอยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก บางส่วนพยายามจะนำบุตรหลานเข้ามาในประเทศเพื่อจะได้เข้าเรียนในช่วงเปิดเทอม แต่เนื่องจากยังคงมีการแพร่ระบาดของไว้รัสโควิด-19 อยู่ จึงได้มีการปิดพรมแดน ซึ่งในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ม.3 ฉก.ม.2 ก็ได้มีการนำสิ่งกีดขวางมาวางกั้นตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาในประเทศ และป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
อย่างใดก็ตามในวันนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็ก และศูนย์ประสานชายแดนส่วนท้องถิ่นเมียนมา – ไทย ได้มีการหารือกับผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ในโรงเรียนฝั่งประเทศไทย เพื่อหาทางออกให้กับกลุ่มดังกล่าวซึ่งหากได้ข้อสรุปแล้วจะประสานมาจากศูนย์ประสานงานชายแดนส่วนท้องถิ่น ไทย – เมียนมาต่อไป