‘ลุงพล’ เผชิญหน้า ‘พ่อตา-แม่ยาย’ เคลียร์ทุกประเด็นคาใจ ท้าทุกคนสาบาน-เข้าเครื่องจับเท็จ 

‘ลุงพล’ เผชิญหน้า ‘พ่อตา-แม่ยาย’ เคลียร์ทุกประเด็นคาใจ ท้าทุกคนสาบาน-เข้าเครื่องจับเท็จ 

รายการโหนกระแสวันที่ 9 ก.ค. “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ลงพื้นที่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ด้วยตัวเอง เพื่อเคลียร์ข้อคาใจคดี “น้องชมพู่” กันพร้อมหน้า โดยเปิดใจสัมภาษณ์ ลุงพล, ป้าแต๋น เมียลุงพล , ตา-ยาย น้องชมพู่  และ นริน เป็นผู้ต้องสงสัยอีกคน

 วันนี้มุมลูกสาว แม่ชมพู่ สงสัยลุงพล มองยังไง ยายสงสัยมั้ย?

ยาย :  “ไม่สงสัย ปกติ”

ตา : “จากใจเลย ไม่สงสัย”

Advertisement

 แล้วทำไมลูกสาวถึงสงสัย?

ตา : “อันนี้ไม่รู้”

 เขาบอกไทม์ไลน์คือเวลาลุงพลจากบ้านไปวัดไปรับพระ หายไปประมาณ 30-40 นาที ลุงพลตอบตอบซิ?

Advertisement

ลุงพล : “ถ้าไทม์ไลน์ที่ออกสื่อไป ออกจากสวนยาง 09.22 น. ระหว่างผมเดินทางมาถึงบ้าน ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ระบุเวลาชัดเจน ว่าใช้เวลาในการเดินทางเท่าไหร่ ผมบอกว่าน่าจะประมาณ 09.30 น. ถึงบ้าน หลังจากนั้นมีการตรวจเช็กของในบ้าน มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูโน่นนี่บ้าง เวลาต่างๆ อยู่ตรงนั้น แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ผมระบุเวลาให้ชัดเจน บอกให้หมด พูดง่ายๆ ถ้าจำอะไรได้ให้บอกให้หมด ผมก็ระบุเวลาเพื่อเป็นสำนวนการให้ปากคำ ผมเชื่อว่าวันที่ผมอยู่ที่บ้าน ป้าแต๋นก็อยู่ กรณีที่แม่เขาสงสัยเรื่องเวลา ป้าแต๋นก็เป็นพยาน”

 ป้าแต๋นอยู่ด้วยมั้ย?

ป้าแต๋น : “จ๊ะ เห็นอยู่จ๊ะ”

 ลุงพล : “ถ้าเป็นการอาบน้ำสองขันตามที่แม่เขากล่าวอ้าง มาทำให้ดูหน่อยว่าอาบน้ำสองขันเป็นยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก อาบน้้ำสองขันจะทั่วตัวมั้ย ผมไปต่างจังหวัดรับพระ ฟันก็ต้องแปรง ทำอะไรบ้างต่างๆ”

 พระบอก 10 โมง?

ลุงพล : “พระอธิการบุญมายืนอยู่ที่ครัวกลาง ไม่มีมือถือ มือถือท่านอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ นาฬิกาข้อมือก็ไม่มี นาฬิกาดิจิตอลของท่านติดอยู่ศาลาการเปรียญ ใหญ่ขนาดไหนก็มองไม่เห็น เพราะอยู่คนละมุม”

 แล้วท่านพูดได้ไง?

ลุงพล : “ผมไม่ได้ลบหลู่ท่านนะครับ ถ้าเรื่องแบบนี้คอขาดบาดตาย การที่สื่อไปสัมภาษณ์ตามที่เจ้าหน้าที่ไปขอคำให้การ อะไรที่ท่านไม่แน่ใจ ท่านควรบอกว่าไม่แน่ใจ แต่ท่านยังยืนยันว่าผมรู้ว่าชมพู่หาย”

วันที่ 11 เจอนายวัชรินทร์กี่โมง เพราะให้การไม่ตรงกัน?

ลุงพล : “ผมขอพูดตรงนี้เลยว่า ผมเห็นเขาช่วงวันที่ 10 หรือ 11 ผมไม่แน่ใจ ผมเลยไม่ได้ให้ปากคำเจ้าหน้าที่ว่าเจอเขา พอผมไปถามนายวัชรินทร์เขาบอกว่าได้คุยกับผม แต่ผมจำไม่ได้ว่าวันไหน แต่เป็นเวลาตอนเช้า ผมเจอเขา นายวัชรินทร์ไปให้ปากคำว่าผมใช้เวลาคุยกับเขา เวลา 09.20 ซึ่งเขาก็มีพยาน แต่นายวัชรินทร์เดินออกมาจากบ้าน ไม่ได้เดินออกมาจากสวนยาง วันนั้นนายวัชรินทร์คุยกับผม น้องโอมเอาโทรศัพท์มาให้ผมว่าหัวหน้ากล่อมให้ไปดูเครื่องหยอดข้าวให้ ซึ่งวันนั้นจำเวลา จำเหตุการณ์ไม่ได้ เลยไม่ได้ให้ปากคำเจ้าหน้าที่ ผมเจอนายวัชรินทร์ประมาณ 7 โมงกว่า”

 ตายายว่าไง?

ยาย : “ก็ไม่รู้กับเขา เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เราไม่เห็นกับตา”

ตา : “เราไม่เห็นลุงพล ไม่เห็นวัชรินทร์คุยกัน”

ลุงพล : “เขาไม่เห็นไงครับ ก็ไม่สามารถเป็นพยานให้ได้”

 ป้าแต๋นอึดอัดมั้ย?

ป้าแต๋น : “ตอนนี้โล่งมากกว่า ทุกครั้งที่ตร.มาค้นบ้าน มาบ่อยๆ เรามั่นใจทุกอย่างว่าไม่ได้ทำ ตร.มาบ้านเราบ่อย มาสอบปากคำบ่อย เล็งมาที่เรา มาถามยายอยู่ว่าทำไมตร. ถึงมาที่เราบ่อยๆ เป็นยังไง ยายก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เราก็สงสัยไม่ไปค้นคนอื่นเหมือนบ้านเรา ผ้า กระสอบอะไรก็เอาไปหมด แล้วมาล้อมบ้านเรา คนอื่นที่เขาสงสัยไม่เห็นไปล้อมบ้าน เรากังวลและคิดอยู่ตลอดว่าทำไมเป็นแบบนั้น จนกระทั่งวันที่น้องบอกว่าสงสัยลุง แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเรา มาบอกตอนนี้”

 ทำไมถอนใจ ท้อใจเหรอ?

ป้าแต๋น : “มันแย่”

ลุงพล : “เขาเป็นพี่สาวที่รักน้องมาก ยอมน้องทุกอย่าง ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรในครอบครัวเขาจะถอยก้าวนึงเสมอ”

ป้าแต๋น : “ทุกครั้งที่ตร.มาสอบปากคำป้าที่บ้านหรือที่สน. เขาจะพูดว่าสงสัยน้องมั้ย ทำไมขึ้นเขาไม่ขึ้น ทำไมต้องฝากกระเป๋าลุง ป้าเลยบอกว่าอะไรก็ตาม ป้าไม่มีทางคิดกับน้อง สงสัยก็สงสัยแต่ไม่มีทางคิดกับน้อง”

 ตร.ถามว่าสงสัยน้องบ้างมั้ยเหรอ?

ป้าแต๋น : “ใช่ แต่ป้าให้คำๆ เดียวว่าถึงจะสงสัยอะไร แต่ป้าไม่เคยพูดเลย (ร้องไห้) ไม่เคยสงสัยน้องเลย (ร้องไห้) ลุงทำทุกอย่างทั้งวิ่งเต้น ทุกอย่าง”

 ลุงพลสนิทกับชมพู่มั้ย?

ป้าแต๋น : “สนิทกับป้ามากกว่า ป้ามารับชมพู่ น้องก็ไปกับป้า แต่เขาจะถามหาลุงก่อน แต่ไม่ได้มาเล่นกับลุงนะ แต่ที่ไปกับลุงเพราะลุงพาขับรถไปเที่ยว แล้วไม่ได้ไปคนเดียว เราไปกันเป็นครอบครัว สดิ้งก็ไปด้วย ไม่เคยไปพลการเลย ที่ชอบลุงเพราะลุงพาไปเที่ยว”

 พ่อแม่ไม่พาไปเที่ยวเหรอ?

ลุงพล : “เขาไม่มีรถยนต์ครับ เราอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ลุงไปเที่ยวเขาก็ไปด้วยกัน”

 วันที่มาคุยกันที่ช่อง 3 ลุงบอกว่าลุงกำลังจะขึ้นไปหาน้อง แล้วปรากฎว่าพ่อน้องเอาเป้ฝากลุงไป มีตัวละครอีกตัวโผล่มาบอกว่าไม่ใช่ พ่อเขาฝากเขา แต่ลุงไปเอากับผู้ชายคนนั้น?

ลุงพล : “ถ้าดูตามสื่อที่พ่อไปออกรายการ เขาบอกว่าฝากให้นายเจริญ ซึ่งเป็นเพื่อนพ่อน้องชมพู่ ผมยังยืนยันว่าไม่ทันสังเกตเห็นนายเจริญอยู่จุดไหน แต่พ่อชมพู่นำกระเป๋าที่เตรียมไว้มายื่นให้ผม”

ป้าแต๋น : “ป้าอยู่ด้วย เขายื่นให้ลุงเลย”

 แล้วทำไมไปบอกแบบนั้น?

ป้าแต๋น : “ป้ายืนอยู่ข้างๆ ลุงตอนเขายื่นให้ บอกว่าลุงผมฝากกระเป๋าให้ลูกหน่อยเด้อ ป้าอยู่ข้างๆ”

ตายาย ตอนมาถึงที่นี่ เห็นลุงยืนอยู่หน้าบ้านตายาย แล้วลุงจะเดินเข้าไปในบ้าน ยายบอกว่าไม่ต้องเข้ามา เดี๋ยวมีปัญหา คืออะไร?

ยาย : “ลูกชาย ไม่ถูกกับลุงไง ลุงพลยกเก้าโต๊ะหน้าบ้านใส่เขา ก็มีประเด็นกัน ก็บอกว่าอย่าเข้ามาเดี๋ยวมีปัญหา เลยไม่ให้เข้า”

 ไม่ใช่เรื่องอื่น?

ยาย : “ไม่ใช่”

 ยังไม่ได้เคลียร์กันเหรอ?

ลุงพล : “วันนั้นเราเข้าใจผิดกัน ผมได้มาคุยกับพ่อตาแม่ยาย นายแต ปรึกษากันเรียบร้อย เข้าใจกันดี ผู้ใหญ่มาเป็นพยาน แต่ปรากฎว่านายแตชี้นิ้วไล่ผมออกจากบ้าน เขากินเบียร์ช้างไปสองขวด เหมือนพยายามให้ผมออกไปจากบ้านหลายครั้ง ผมก็เลยโมโห งัดโต๊ะใส่เขา”

 ยาย : “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีปัญหามาก่อนเป็นปี”

 นรินไม่สงสัยลุงพลแล้ว?

นริน : “ไม่ได้สงสัยแล้วครับ วันนั้นพูดผิดครับ”

 เห็นมีข่าวว่าจะให้ดื่มน้ำสาบาน?

ตา : “แสดงความบริสุทธิ์ใจ”

ยาย : “ก็เป็นการพิสูจน์เท่าที่จะทำได้ ให้ดื่มน้ำสาบานว่าใครทำก็ให้มีอันเป็นไป ถ้าใครทำน้อง ถ้าไม่ได้ทำน้องก็ให้เจริญรุ่งเรือง”

 กล้ามั้ย?

ลุงพล : “ถ้าจะสาบานจริงๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือพระแก้วมรกต ไปที่กรุงเทพฯ เลย ญาติพี่น้องทุกคนมา การสาบานต้องเอาจุดที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย ไปสาบานเลย เอาให้ตายกันไปข้างนึงเลย ผมกล้าสาบานอย่างนั้น ถ้าใครมีส่วนร่วมในการตายน้องชมพู่ ให้ครอบครัววิบัติ ให้ฉิบหาย ให้มันตายโหงไปพร้อมน้องชมพู่เลย ผมกล้าสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เอาแบบผมนี่ล้านเปอร์เซ็นต์ จะได้พ้นข้อครหาทุกอย่าง พี่น้องจะได้กลับมารักกันเหมือนเดิม”

 สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย?

ลุงพล : “ต้องให้เวลาครับ ผมไม่ใช่คนใจจืดใจดำ ผมมีแต่ให้กับให้”

 แม่คุยกับลูกสาวหรือยัง?

ยาย : “ยัง กลับมาบ่ายๆ วันนี้”

ลุงพล : “นอกจากสาบาน ผมยินดีเข้าเครื่องจับเท็จ เข้าทุกคนครับ หลังสาบานแล้วเข้าเครื่องจับเท็จกันทุกคน เอาให้ชัวร์ ตรงไหนพ่อแม่ชมพู่สงสัย ผมยินดี”

 คิดว่ามีการปั่นให้เกิดเรื่องแบบนี้มั้ย?

ลุงพล : “ผมเชื่อว่าวันนั้นผมพูดไปชัดเจนแล้วว่า สื่อบางสื่อเขาพูด เขาออกสื่อออกไป เราอย่าไปอ้างอิงสื่อมาก เอากลับมาคิด ผมเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวเท่าไหร่ ตรงไหนใช่ก็โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ติดตาม”

ลูกสาวเรา “สาวิตรี” กล้าเจอมั้ย ?

ยาย : “ตั้งแต่น้องเสียไม่ได้เจอกัน”

 ลุงพล : “หลังผมไปออกรายการโหนกระแส มีคนนึงที่ผมอ้างอิงว่าบ้านติดกับชมพู่ ปรากฎว่ามาถึงแม่น้องให้ผมไปขอขมาเขา ผมไม่ได้บอกว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัย ผมไม่ได้บอกว่าแอ๋มเป็นคนทำ อยู่ๆ พ่อแม่เขาไม่สบายใจที่ผมไปพูดชื่อลูกเขาผ่านสื่อ พ่อแม่ชมพู่ไปขอขมาแทนผม แล้วมาบอกให้ผมไปขอขมา แล้วผมจะไปทำไม ผมไม่ได้ว่าแอ๋ม แล้วมีเหตุการณ์ที่ไม่สบายใจอีกเรื่อง คือแม่ผม น้องสาวผม ป้า เขามาจากสกลนคร มาร่วมงานศพ แสดงความเสียใจ ตอนขากลับ ถูกพ่อชมพู่เมินใส่ เหมือนไม่พอใจที่ผมไปพาดพิงนายแอ๋ม ผมได้ยินจากป้าแต๋น ผมก็เกิดความไม่สบายใจ น้อยใจ อะไรประเด็นเล็กๆ แค่นี้เอามาให้ผมไม่สบายใจ”

พร้อมเจอเขามั้ย?

ลุงพล : “พร้อมเจอครับ ผมต้องการเคลียร์ใจไม่ให้ทะเลาะกัน”

ทำไมบ้านอยู่ใกล้ๆ เราไม่เดินไปเคลียร์กับเขา?

ลุงพล : “ปกติผมเป็นคนแบบนี้ ง่ายๆ ซอยนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ขึ้นมา”

ถ้าลูกสาวมาให้เคลียร์ได้มั้ย?

ยาย : “ได้”

ตา : “ถ้าเขายอมคุยก่อนถึงมาได้”

ลุงพล : “ต้องคุยถึงจะจบ ผมต้องการให้ครอครัวอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่ใช่มาทะเลาะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

ป้าแต๋น : “ป้าบอกว่าถ้าทะเลาะกันแบบนี้ ถ้าผู้ร้ายตัวจริงเห็นคงยิ้มแล้ว ถ้าไม่เชื่อมั่นในกันและกัน ผู้ร้ายคงทำอะไรบ่อยๆ”

วันนี้ถามจริงๆ คิดว่าน้องจะถูกอุ้มขึ้นไปมั้ย?

ยาย : “อุ้มขึ้นไปแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์”

สงสัยใคร?

ยาย : “ไม่รู้จะสงสัยใคร พี่น้องกันทั้งนั้น”

กลัวหลานตายฟรีมั้ย?

ยาย : “กลัว”

ลุงพล : “ถ้าครอบครัวแตกแยกก็กลัวมากว่าหลานจะตายฟรี ถ้าเหตุการณ์วนอยู่แค่ครอบครัว จริงๆ ผมไม่อยากแสดงความคิดเห็น พ่อแม่ชมพู่ต้องย้อนกลับไปดูว่าอดีตถึงปัจจุบันเขาขัดแย้งอะไรกันบ้าง ไม่ใช่วนอยู่แค่คนในหมู่บ้าน ตอนนี้คนในหมู่บ้านไม่ทำมาหากินกันแล้ว หวาดระแวงกันหมดเลย”

ฟ้องมั้ย?

ลุง : “ไม่ฟ้อง”

ป้า : “อยากให้คิดใหม่ ถึงความจริง ที่เราทำกับน้อง คิดถึงความรักที่เรามีให้หลาน คิดถึงความเป็นพี่น้อง คิดถึงว่าเหตุผลอะไรเรานักหนาถึงขั้นมาสงสัยว่าลุงมีส่วนทำให้หลานเสียชีวิต คิดหนักๆ คิดจากใจจริงๆ เปิดหัวใจออก”

ป้าแต๋นเคยคิดมั้ยเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องคิดว่าสามีทำน้องชมพู่?

ป้า : “ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่แรกเขาไม่ได้สงสัยเรา วันที่เขาบอกป้าไม่รู้เลยว่าคำนั้นจะออกมา อึ้งมากกว่า ร้องไห้”

ลุงพล : “อย่าว่าแต่ป้าแต๋นเลย พ่อตาแม่ยายก็อึ้ง ผมก็อึ้งเหมือนกัน”

ตาอึ้งมั้ย?

ตา : “อึ้ง ตายอมรับเลย”

ลุงพล : “คนในครอบครัวทั้งนั้น อาจไม่สนิทใจกันมากแต่ไม่เคยทอดทิ้งกัน”

ตัวพ่อน้องชมพู่ ก่อนหน้านี้วันที่น้องหายไป เขาออกไปไหน พ่อน้องบอกว่าไปไถนาแปดโมงกว่าถึงสิบโมง แต่มีคนเห็นรถแกตรงกกกอกแกจะไปไถนาได้ยังไง?

ยาย : “อันนี้มีคนเห็นว่าไปไถนา กี่โมงไม่รู้ แต่มีพยานอยู่”

ลุงพล : “มีอีกไทม์ไลน์ที่แม่น้องฝากถามว่าว่าบ่ายสองโมงถึงสี่โมงผมไปอยู่ไหน ผมยังยืนยันว่าวันนั้นบ่ายสองโมงผมยังกลับไม่ถึงบ้าน ผมถึงบ้านป้าถอนบ่ายสองกว่า แต่ไม่แน่ใจว่ากี่นาที ผมจอดปุ๊บเห็นชาวบ้าน เห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดตามหาน้องชมพู่ก็ใจคอไม่ค่อยดี  เลยจอดรถหน้าบ้านป้าถอน เอาของลงจากรถบ้าง อยู่ในรถบ้าง ผมก็ให้การเจ้าหน้าที่ไป ผมก็ไปหาน้องชมพู่ มีพยานที่เห็นผมออกหาวันนั้นว่าผมไปจุดไหนบ้าง ผมก็ทำแผนให้เจ้าหน้าที่ดูแล้ว”

วันที่14 ไปเจอศพน้องชมพู่ ลุงพลบอกว่าแม่เขาไม่ยอมขึ้นไป ทางนี้บอกว่าเขาพากันไปไหว้พระ จริงมั้ย?

ยาย : “ไม่ ตอนพบศพน้อง 14 ค่ำๆ มีคนมาบอกว่าพบรองเท้าน้องแล้ว อยู่ทีไหน ใครพูด”

ทำไมแม่ไม่ขึ้นไป?

ยาย : “แม่ช็อก ยายนี่แหละบอกไม่ให้ขึ้นไป ขึ้นไปใครจะหามลงมาอีก นอกจากหามน้อง แล้วหามพ่อกับแม่ลงมาอีก”

สิ้นข้อสงสัยนะ?

ลุงพล : “ประเด็นพ่อแม่เขา หลังพาชมพู่ลงมา วันนั้นเราก็ได้ออกค้นหาเสื้อที่หายไป หาหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ด้วย ก็สงสัยว่าทำไมพ่อแม่เขาไม่ออกมาตามหาเสื้อ ต้องให้พ่อแม่เขาออกมาตอบกับสื่อด้วย ว่าทำไมไม่ออกตามหาเสื้อ เขากลัวอะไรหรือเปล่า กลัวเจอเสื้อหรืออะไร เพราะเสื้อมันสำคัญมาก เจ้าหน้าที่ต้องการมาก”

ตา : “ตาตอบแทนได้มั้ย ตอนนั้นมีคนเข้ามาเยอะ เข้ามาที่บ้านมาไหว้ศพมาอะไร เอาเงินเอาทองมา แม่กับพ่อชมพู่เลยไมได้ขึ้นไป”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image