ประจวบเตรียมออกหมายจับเพิ่มกรณีลูกจ้างจังหวัดโกงงบหลวงเกือบ 40 ล้านบาท
จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกดำเนินคดีหลายข้อหา หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการ 39.2 ล้านบาท จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเลคทรอนิคส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว จากนั้นนำเงินที่ได้ไปเล่นพนันออนไลน์ และพบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็ครวม 166 ครั้ง ถูกควบคุมตัวจากการฝากขังผัดที่ 1 ในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ต.อ.ธนากร วงศ์ศิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การสอบสวนมีความคืบหน้ามีการสอบพยานจำนวนมาก ยืนยันว่าภายในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน เสนอศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มมากกว่า 1 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต รวมทั้งเส้นทางการโอนเงิน แต่จะเป็นข้าราชการระดับสูง หรือ บุคคลภายนอก ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดีและผู้ต้องหา อาจจะไหวตัวหลบหนี ขณะที่คดีการทุจริตที่ความเสียหายต้อทางราชการในลักษณะนี้ หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าข่ายกระทำความผิด จะต้องถูกสั่งพักราชการไว้ก่อนจนกว่าผลการสอบข้อเท็จจริงจะเสร็จสิ้น
“นอกจากนั้นในส่วนของการอายัดบัญชีเงินฝาก ของผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการอายัดเพิ่มซึ่งมีทั้งข้าราชการที่มีการลงลายมือชื่อในเช็คเปล่า และบุคคลภายนอก ยืนยันว่าจะมีการอายัดบัญชีเพิ่มเติมทุกบัญชีที่เกี่ยวข้อง และไม่มีใครสามารถวิ่งเต้นให้ถอนอายัด ซึ่งทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้นำพยานหลักฐานและสำนวนการสอบสวนทั้งหมด ยื่นให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการระดับสูงที่เข้าข่ายความผิดทางวินัยร้ายแรง ภายในสัปดาห์หน้า “พ.ต.อ.ธนากร กล่าว และว่า สำหรนับการตรวจสอบพบสุมดเช็คเพิ่มเติมอีก 2 เล่ม ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งอาจจะเจอในขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในระดับจังหวัดที่มีปลัดจังหวัดเป็นประธานฯ
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตผู้สมัคร สส. เขต 1 จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากผู้บริหารระดับจังหวัดมีความจริงใจและต้องการปราบปรามการทุจริตให้เป็นรูปธรรม ต้องการปกป้องหรือรักษาเงินงบประมาณของแผ่นดินตามระเบียบวิธีปฏิบัติ ซึ่งทราบว่าผลการสอบข้อเท็จจริงจะสรุปได้ภายสัปดาห์หน้า รวมทั้งผลการสอบสวนจากผู้เกี่ยวข้องของสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยมีความคืบหน้าไปมาก หากการสอบสวนมีการผลเป็นประการใด ควรนำมาแถลงผ่านสื่อมวลชนอีกครั้ง เพื่อเปิดเผยความคืบหน้า และการแถลงข่าวควรเชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.)จังหวัด ในฐานะหน่วยงานตรวจสอบ มาร่วมชี้แจงด้วยว่ามีสาเหตุใดที่ทำให้ตรวจไม่พบการทุจริตที่มีปัญหามานาน 14 เดือน ถือว่าพ้นวงรอบการตรวจสอบประจำปีงบประมาณที่ สตง.จะต้องมีผลสรุปเสนอหน่วยงานส่วนกลาง
