กอ.รมน.ภาค 4 ร่วมกับชุดพยัคฆ์ไพร ตรวจพบการลักลอบตัดต้นเทียนทะเลบนเกาะสมุยจำนวนมาก คาดส่งขายให้กลุ่มนักเล่นบอนไซ
วันที่ 15 ก.ค. ร.อ.อดุลย์ พรหมบุตร หน.ชป.กอ.รมน.ภาค 4 พื้นที่เกาะสมุย ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นำกำลังลงพื้นที่เกาะมัดหลัง ม.2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจสอบและเก็บหลักฐานการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า และทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล หลังจากมีการสืบทราบมาว่า มีกลุ่มขบวนการเข้ามาลักลอบตัดต้นเทียนทะเล เพื่อนำต่อไม้ส่งขายต่อให้กับกลุ่มนักเล่นบอนไซ
โดยกำลังเจ้าหน้าที่เดินเท้าลุยน้ำเข้าไปที่เกาะมัดหลัง ที่อยู่ห่างจากเกาะสมุยประมาณ 1 ไมล์ทะเล บนเกาะไม่มีคนอยู่อาศัย จากการเดินสำรวจพบว่าต้นเทียนทะเลที่ขึ้นอยู่ตามโขดหินรอบเกาะ ทั้งต้นขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ถูกตัดลำต้นและกิ่งทำลายไปเป็นจำนวนมาก และบางต้นยังมีร่องรอยบากไว้เพื่อรอการมาตัดภายหลัง
สำหรับไม้เทียนทะเลซึ่งเป็นไม้ที่หายาก สวยงาม เติบโตช้าทำให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และยังเป็นที่ต้องการจากตลาดทั้งในและต่างประเทศที่นิยมไปเพาะเป็นบอนไซ จนได้ฉายาว่า “ราชาแห่งบอนไซ” มีการซื้อขายกันตามออนไลน์ มีราคาตั้งแต่หลักพัน จนถึงหลักแสน
สำหรับผู้ที่ลักลอบตัดไม้เทียนทะเลจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 “ฐาน บุกรุก แผ้วถาง หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือ เข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
นอกจากนี้กรมป่าไม้อยุ่ระหว่างการเตรียมขึ้นทะเบียนให้เป็นไม้หวงห้าม และเสนอให้อยู่ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส)
