ชาวบางสะพานเตรียมร้อง สตง.ภาค 12 ตรวจสอบงบ 37.9 ล้าน สร้างอ่างเก็บน้ำมรสวบ สันอ่างทรุดซ้ำซาก 7 ปี

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม นายสุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ นักวิชาการจากศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก ภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 7 จ.ราชบุรี กรมทรัพยากรน้ำ เปิดเวทีประชาคมที่บ้านมรสวบ หมู่ 4 ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับฟังความคิดเห็นเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำมรสวบ ความจุ 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ก่อนเสนอใช้งบ 118 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2564 เพื่อก่อสร้างใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้กรมทรัพยากรน้ำใช้งบประมาณ 37.9 ล้านบาท ปรับปรุงสันอ่างตั้งแต่ปี 2557 แต่มีปัญหารอยรั่วซ้ำซากหลายครั้ง ทำให้ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำดังกล่าว ไม่สามารถใช้กักเก็บน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค หรือน้ำเพื่อการเกษตรได้ตามศักยภาพ มีผลกระทบกับชาวบ้านหลายตำบล

นายสุทธิศักดิ์กล่าวว่า ปัญหาจากการรั่วซึมที่ผ่านมา มีการเจาะสำรวจ พร้อมทำแบบจำลองบริเวณฐานราก ดังนั้น การแก้ไข จงต้องดำเนินการในระบบฐานรากด้วยการสร้างกำแพงทึบน้ำตลอดแนวเขื่อน และปรับปรุงสันเขื่อนเพื่อให้มีความปลอดภัย แต่ยังมีความกังวลว่าการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างจะเป็นไปตามแบบแปลนที่กำหนดหรือไม่ หากมีการตัดงบก็อาจมีปัญหากระทบกับโครงสร้างทั้งหมด รวมทั้งมีข้อกังวลจากการควบคุมงานก่อสร้าง หน่วยงานเจ้าของงบจะต้องมีความเข้มงวด นอกจากนั้นอ่างมรสวบจะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับเตือนภัยเพื่อตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนบริเวณท้ายอ่าง

นายกฤษดา หมวดน้อย ตัวแทนชาวบ้าน อ.บางสะพาน กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายซ้ำซาก ใช้งบประมาณไม่เกิดประโยชน์ ขอให้กรมทรัพยากรน้ำหารือกับผู้เชี่ยวชาญจากกรมชลประทาน เพื่อดำเนินการการก่อสร้างอ่างมรสวบให้มีมาตรฐาน เนื่องจากกรมชลประทานไม่เคยสร้างอ่างเก็บน้ำแล้วเจอปัญหาสันอ่างทรุด โดยไม่ได้กักเก็บน้ำ และเร็วๆ นี้ชาวบ้านในพื้นที่ อ.บางสะพาน จะไปยื่นหนังสือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) ภาค 12 จ.เพชรบุรี ตรวจสอบการทำงานของ สตง.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าเคยทักท้วงหรือตรวจสอบการใช้งบประมาณในการก่อสร้างมรสวบหรือไม่

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในที่ประชุมประชาคม ชาวบ้านในพื้นที่เร่งรัดให้ดำเนินการซ่อมแซมอ่าง เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ เนื่องจากที่ผ่านมาเสียโอกาส 7 ปี โดยชาวบ้านได้เสนอให้ทรัพยากรน้ำภาค ดำเนินการขุดลอกอ่างควบคู่กับการซ่อมแซมสันอ่าง แต่นักวิชาการเสนอแนะให้แก้ไขปัญหาสันอ่างทรุดก่อน หากมีการขุดลอกอ่างพร้อมกับการขุดลอก ในบริเวณที่ใกล้กับสันอ่างอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอ่าง และจากการประเมินพบว่าหากมีการปรับปรุงแล้ว อ่างมรสวบสามารถกักเก็บน้ำได้เพียง 1.3 ล้าน ลบ.เมตร ขณะที่การทำประชาคมดังกล่าวสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 7 ไม่ได้ชี้แจง ผลกระทบจากความเสียหายกรณีการใช้งบประมาณแผ่นดิน 37.9 ล้านบาท แต่อย่างใด ขณะที่หน่วยงานในระบบราชการบริหารส่วนภูมิภาคในระดับอำเภอและจังหวัดอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณดังกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image