เจ้าหน้าที่โล่งอก ผลตรวจโรค 21 ชาวกะเหรี่ยง นับถือฤาษี ที่ลักลอบเข้าเมืองมาโดยผิดกฏหมาย ถูกจับกุมและกักตัวที่ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ไม่พบเชื้อโควิด 19
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ร่วมกับ ตำรวจ สภ.บ้านคา เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน. จ.ราชบุรี ) ทหารหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ อ.สวนผึ้ง รวมถึง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ จับกุมชาวกะเหรี่ยง 21 คน เป็นชาย และ หญิง ลักลอบเข้ามาอยู่ในพื้นที่หมู่ 9 ต.หนองพันจันทร์ อ.บ้านคา โดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทั้งหมดอ้างว่า มาติดตามหาผู้นำคนสำคัญของหมู่บ้านที่ถูกจับกุมตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ตามคำสั่งของฤาษีตนหนึ่ง ชื่อ โสจิตรดา ที่ชาวกะเหรี่ยงกลุ่มนี้นับถือเพื่อตามกลับไปยังถิ่นที่อาศัยในหมู่บ้านทิสเซอร์เปอร์ บริเวณชายแดนประเทศเมียนมาร์ อยู่ตรงข้ามกับด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นชาวกะเหรี่ยงอิสระ ทั้งนี้หน่วยงานของไทยได้ให้ความสำคัญกรณีดังกล่าว เกี่ยวกับเป็นพื้นที่ชายแดนด้านความมั่นคงของประเทศ จึงได้ควบคุมตัวบุคคลทั้งหมดไว้ตรวจสอบประวัติ ตรวจโรคติดต่อ
หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี ได้เข้าทำการเก็บสารคัดหลั่งของชาวกะเหรี่ยงทั้ง 21 คน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ซึ่งได้รับทราบผลในช่วงบ่าย ปรากฏว่าทั้งหมดไม่พบเชื้อโควิด 19 ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำผลตรวจแจ้งให้กับกลุ่มชาวกะเหรี่ยงทั้งหมดได้รับทราบ พร้อมกับนำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.กาญจนบุรี เป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายของไทย ก่อนจะผลักดันออกนอกประเทศในระยะต่อไป โดยการตรวจเชื้อการแพร่ระบาดของโควิด -19 มีเจ้าพนักงานควบคุมโรค สาธารณสุขอำเภอบ้านคา เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอำเภอบ้านคา ได้เข้าทำการซักประวัติตั้งแต่เมื่อวานนี้ เป็นขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าพนักงานควบคุมโรค
ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคง ทั้ง ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ได้ตรวจสอบเชิงลึก ถึงการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ของชาวกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ ตรวจสอบเส้นทางที่เดินเท้าตามเส้นทางธรรมชาติ มีผู้นำพาขึ้นรถตู้ 5 คันจากจังหวัดกาญจนบุรี มายังไง ผ่านจุดไหนบ้าง จนมาถึงพื้นที่ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ทั้งหมดถูกตรวจสอบอย่างละเอียดว่า การมามีจุดเป้าหมายอะไร อย่างไร ที่สำคัญพบข้อมูลหลายอย่างที่เกี่ยวข้องเรื่องความมั่นคง โดยเพราะภาพที่ปรากฏทางโทรศัพท์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้ บางคนสอบถามบอกว่าไม่มีโทรศัพท์ แต่ค้นในกระเป๋าพบบ้างคนมีถึง 2 เครื่องถือว่าเป็นเรื่องปิดบังและหน้าสงสัย
อีกทั้งแต่ละคนแบ่งกันทำหน้าที่เป็น 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่ม ASI ทำหน้าที่คล้ายกับตำรวจ มี 2 คน กลุ่มที่ 2. DSI มี 2 คน ทำหน้าที่เป็นสายลับ กลุ่มที่ 3. ESI ทำหน้าที่เผยแพร่ลัทธิฤาษีให้กับพี่น้องชาวกะเหรี่ยง มี 4 คน และกลุ่มที่ 4. GSI ทำหน้าที่ดูแลตามแนวชายแดนของหมู่บ้าน มี 13 คน ซึ่งทุกคนจะต้องมีโลโก้ประจำกลุ่มที่แขนเสื้อคลุม และทุกคนก็ห้ามกินเนื้อสัตว์ ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องมีการสอบประวัติกันอย่างละเอียด