วันที่ 29 กรกฎาคม 2559 นางอรทิภา เทพชู ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 ของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กล่าวว่า หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาแสดงความเห็นไม่รับร่างประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบตอพรรคบ้าง แต่ตนเองก็มองว่ามีผลกระทบกับพรรคแต่ไม่เยอะและคิดว่าเป็นความคิดที่ต่างมุมกันได้แล้วแต่ความคิดต่างคนต่างก็มีเหตุผล แม้ว่าท่านลุงสุเทพ ท่านอภิสิทธ์ ท่านชวน ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเอง
นางอรทิภากล่าวว่า การลงประชามติกับการที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วย กับการรับร่างประชามติส่งผลให้ผู้ที่เคยศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องการลงประชามติ ตนเองคิดว่ามีบ้าง แต่คงจะไม่มาก เพราะเขาดูแล้วว่ารับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ปัญหาของคนจนปัญหาของประเทศชาติโดยตรง แต่ในมุมมองของตนเองคิดว่าคนใต้คนตรังมีการแยกแยะได้ เพราะการลงประชามติกับการเลือก ส.ส. ไม่เหมือนกัน เพราะตอนเลือก ส.ส.เลือกตัวบุคคล แต่ครั้งนี้เป็นการเลือกประเทศชาติ เท่าที่สัมผัสคนจะคิดแบบนั้น ไม่เหมือนเลือก ส.ส. ซึ่งเป็นบุคลที่เราต้องเลือกคนและเลือกพรรค
“ขณะนี้จะเห็นว่านายสุเทพกับนายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคแม้แม้แต่นายชวน มีความคิดเห็นต่างกัน นั่นเป็นเพียงความคิดต่าง แต่ไม่แตกแยกก็มีจุดหมายเดียวกันคือให้ประเทศเดินได้ ตนคิดว่าถ้ารัฐธรรมนูญผ่านได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ผ่านก็มีทางออกของประเทศอยู่แล้ว ท่านนายกประยุทธ์ท่านก็มีทางออกของท่านอยู่แล้ว” นางอรทิภา กล่าว
นางอรทิวา กล่าวอีกว่า ในส่วนการที่นายสุเทพบอกว่า คนที่ไม่รับร่างประชามติรัฐธรรมนูญเป็นคนใจแคบ ประธานสาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 กล่าวว่า หากมีการเปิดให้เลือกตั้งทั่วไปเหมือนการเลือกตั้ง ส.ส. ท่านชวน ท่านอภิสิทธิ์ หรือแม้แต่ท่านสุเทพ ก็คงจะไม่แตกคอกัน และท่านชวน และนายอภิสิทธิ์คงจะไม่ไปเข้าข้างคนที่เคยโกงชาติอย่างที่หลาย ๆ คนพูดกัน รัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นตัวแยกชัดเจนว่าต้องเลือกฝ่าย เพราะรัฐธรรมนูญที่ผู้ใหญ่พูดไว้ ว่าถ้าเราไม่ปฏิบัติก็เหมือนกระดาษเปล่า ๆ ใบหนึ่ง ขอย้ำเลย รัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ปัญหาให้ประชาชนโดยตรง ประชาชนก็เลยคิดว่าไม่เหมือนกับการเลือก ส.ส.
“การรณรงค์ไปลงประชามติจะบอกกับทีมงานและประชาชนว่า 7 สิงหานี้เราต้องไปลงประชามติให้ได้ ท่านจะรับหรือไม่รับก็เป็นสิทธิส่วนตัวของท่านและตัวเองด้วย แต่สำหรับตนเองไม่ขอตอบว่าจะรับหรือไม่รับ เป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละบุคคล แต่เมื่อมองว่าการลงประชามติครั้งนี้ประชาชนรู้แต่ไม่รู้รายละเอียด ไม่รู้เนื้อหารัฐธรรมนูญว่ารับแล้วจะเป็นอย่างไร ไม่รับจะเป็นอย่างไร เพราะคนชนบทจะไม่อ่าน อ่านแล้วไม่เข้าใจด้วย เพราะฉะนั้นอยากฝากไปยัง กกต.ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากกว่านี้” นางอรทิภา กล่าวอีก
ทั้งนี้ นางอรทิภา กล่าวว่า หากรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่านมันก็มีผลต่อการเมือง แต่ท่านนายกประยุทธ์ก็ย้ำหลายครั้งแล้วว่าจะทำไปตามโร้ดแมปของท่าน ประชาชนก็คิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าไม่ผ่าน ถ้าผ่านก็ไม่เป็นไร ในมุมมองประชาชนมองว่าการไปลงประชามติ คงจะทำให้ประเทศชาติดีขึ้น มีการเลือกตั้งในปี 2560 อย่างแน่นอน
